- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
คนละเรื่องเดียวกัน
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 4 เม.ย. 62)
สิ่งที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กำลังเผชิญด้วยข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย ไม่จงรักภักดี กำลังจะส่งผลไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ 2 ขั้วการเมืองช่วงชิงความชอบธรรมกันอยู่ ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าโมเมนตัมจะเอียงไปข้างพรรคพลังประชารัฐ เพราะข้อกล่าวหาที่ทิ่มใส่ “ธนาธร-ปิยบุตร” ไปเข้าล็อกสร้างความชอบธรรมให้พรรคประชาธิปัตย์โดดร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยมีเหตุผลข้ออ้างต้องการรักษาชาติและสถาบันจากคนไม่ดี นี่มันคนละเรื่องเดียวกันชัดๆ
เพิ่งได้เห็นเซเลบกองเชียร์การเมืองฝั่งหนึ่งโพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่า “ถ้าพ่อติดคุกสัก 10-20 ปี ฟ้าจะรอพ่อได้ไหม”
ไม่นึกว่าวันถัดมาจะได้เห็นหมายเรียกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้ไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันวันที่ 6 เมษายนนี้ ซึ่งในหมายเรียกระบุว่า พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญและฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ
ตามหมายเรียกพบว่าพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อกล่าวหานายธนาธรอย่างน้อย 2 ข้อคือ 1.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) (3) ฐานยุยงปลุกปั่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ 2.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ให้ที่พักพิงผู้ต้องหา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รวมอัตราโทษสูงสุดทั้ง 2 คดีคือ จำคุก 9 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับที่เซเลบกองเชียร์ขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับนายธนาธรโพสต์เอาไว้ก่อนที่นายธนาธรจะเห็นหมายเรียก
ขณะที่นายธนาธรถูกเล่นงานด้วยคดีความมั่นคง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็กำลังถูกโจมตีอย่างหนักเรื่องไม่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง โดยนำสิ่งที่นายปิยบุตรเคยแสดงความเห็นไว้ในอดีตก่อนจะเข้าสู่การเมืองมาเป็นประเด็นโจมตี
แม้จะยังไม่มีใครไปแจ้งความร้องทุกข์ให้เอาผิดตามมาตรา 112 แต่ก็มีความเคลื่อนไหวล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนจากการเป็นว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ โดยให้เหตุผลว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อประเทศร้ายแรง ไม่ควรมีบุคคลที่คิดจะล้มล้างสถาบันอยู่ในระบบราชการของประเทศไทยเด็ดขาด ซึ่งมีผู้ร่วมลงรายชื่อสนับสนุนแคมเปญนี้ทะลุหมื่นคนเข้าไปแล้ว
แน่นอนว่าการโดนหมายเรียกของนายธนาธรและการตกเป็นเป้าโจมตีของนายปิยบุตรนั้นจะมีผลกระทบไปถึงการรวมกันจัดตั้งรัฐบาลของขั้วการเมืองที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ร่วมลงสัตยาบันกันไว้
แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวน ส.ส. ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เชื่อว่าสิ่งที่นายธนาธรและนายปิยบุตรกำลังเผชิญอยู่นั้นจะไปช่วยเสริมสร้างความชอบธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อประกาศชัดเจนว่าไม่มีวันร่วมกับขั้วเพื่อไทย และแม้จะมีบางส่วนในพรรคแสดงท่าทีอยากเป็นฝ่ายค้านอิสระแบบเท่ๆ
แต่เมื่อการเมืองถูกปั่นให้เกิดบรรยากาศว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย จะเกิดการล้มล้างสถาบัน เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศตัวชัดเจนมาตลอดว่าต้องการรักษา 3 สถาบันหลักของประเทศมีความชอบธรรมที่จะโดดเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยใช้ข้ออ้างทำเพื่อปกป้องรักษาชาติและสถาบันจากคนไม่ดี
เมื่อขั้วพรรคพลังประชารัฐและกองทัพออกตัวแรงเรื่องความเป็นคนดี ต้องการรักษาบ้านเมืองให้สงบสุข และต้องการปกป้องสถาบันเบื้องสูง ก็ถือเป็นแนวร่วมเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องเป็นฝ่ายค้านอิสระที่ถึงจะเท่แต่กินไม่ได้ การเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางการเมืองจึงเป็นเหตุผลที่ใช้อธิบายต่อสังคมได้
มันคนละเรื่องเดียวกันชัดๆ
You must be logged in to post a comment Login