วันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“วิวัฒน์”เอาตำแหน่ง-ชีวิตการันตี”เดชา”ยันเป็นคนซื่อตรงช่วยเหลือผู้อื่น

On April 9, 2019

นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดเข้าตรวจค้นและยึดกัญชา-สารสกัดจากกัญชาได้ที่มูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ที่มีนายเดชา ศิริภัทร เป็นประธานมูลนิธิ และจับกุมเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิไปดำเนินคดีว่า นายเดชาเป็นคนซื่อตรงและมีชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด มีความเมตตา มีการปฏิบัติธรรมและลงมือทำด้วย แม้อายุกว่า 70 ปีแล้วยังคอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทางผู้ปฏิบัติเรียกว่าเป็นผู้มีหัวใจโพธิสัตว์ คือเห็นใครเดือดร้อนก็อยากจะช่วยเหลือ แม้รู้ว่าช่วยเหลือแล้วเสี่ยงเพราะกฎหมายไม่ค่อยเอื้อ แต่เมื่อเห็นคนทุกข์ก็ยอมเสี่ยงเองเพื่อทำยาแจกคนยากคนจนและคนทุกข์เข็ญ เพราะยากที่จะไปซื้อยามารักษาโรคร้าย โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

นายวิวัฒน์กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล นักวิชาการ นักการเมือง ผู้มีความรู้ จัดตั้งคณะกรรมการหรือทีมงานสนับสนุนช่วยเหลือนายเดชาให้ได้ผลิตยาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และไม่ให้กฎหมายเป็นอุปสรรค เพราะกฎหมายมีไว้เป็นเครื่องมือให้คนทำดีเพื่อสังคมอยู่กันอย่างสงบร่มเย็น กฎหมายไม่ได้มีไว้บังคับคนดีไม่ให้ทำความดี หวังว่าประเทศเราจะมีคนดีร่วมมือกันทำให้กฎหมายเอื้องานของนายเดชา หรือทำให้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจทุน อำนาจความรู้ ไปสนับสนุนงานของนายเดชาให้ช่วยเหลือคนได้มากขึ้น

“ผมรับรองและรับประกันอาจารย์เดชาอยู่แล้ว นี่ก็รับรองไปที่รัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐมนตรี แจ้งผ่านไลน์ ถ้าให้ไปเซ็นรับรองนี่เอาตำแหน่งไปแลกเลย ประกันเลย ถ้าอาจารย์เดชาผิดเอาตำแหน่งไปเลย อย่าว่าแต่ตำแหน่งทรัพย์สินเงินทอง แม้แต่ชีวิต ถ้าเซฟอาจารย์เดชาไว้ให้ช่วยเหลือคนจำนวนมาก เอาชีวิตเราไปแลก ติดคุกแทนยังทำได้เลย เราไม่มั่นใจว่าจะทำเรื่องเหล่านี้ได้ดีเท่าอาจารย์เดชาหรือเปล่า ควรให้คนที่มีความรู้ที่สุด เสียสละที่สุด อยู่ทำงานต่อไป เห็นอยู่ว่าคนอย่างอาจารย์เดชาเสียสละมานาน เพราะฉะนั้นผมยินดีเอาตำแหน่งเป็นประกัน เอาชีวิตเป็นประกันเลยด้วยซ้ำไป”

นายวิวัฒน์กล่าวว่า จริงๆกัญชาเป็นสมุนไพรที่ควรได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง รัฐควรมีมาตรการบางอย่าง ไม่ใช่เหมาห้ามไปทั้งหมด และไม่ใช่ห้ามคนที่สกัดปรุงยาช่วยเหลือคนอื่น

“ข้าราชการส่วนใหญ่ก็คงไม่อยากไปจับหรอก เขารู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นประโยชน์ต่อคนยากคนจน คงมีแต่ข้าราชการนิดเดียว ซึ่งผมเชื่อลึกๆว่ามีความผูกพันอยู่กับบริษัทเอกชน อย่างบริษัทยานี่ถ้าชาวบ้านรวมตัวกันผลิตยาได้เองทั้งประเทศ รวมทั้งเพื่อนบ้านละแวกนี้ด้วย บริษัทยาจะอยู่ยาก เขาก็ต้องเคลื่อนไหวต่อสู้ วิธีการง่ายๆคือเอากฎหมายไปบังคับ ง่ายที่สุดคือไปจับมือกับข้าราชการเอากฎหมายมาจับ” นายวิวัฒน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองประเด็นการรักษาโรคด้วยกัญชาซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับคนยากคนจนอย่างไร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯกล่าวว่า ระบบบริการทางการแพทย์และระบบการพัฒนาต่างๆที่รัฐทั่วโลกกระทำอยู่ตอบสนองช้า ดังนั้น ชาวบ้านจึงต้องลุกขึ้นพึ่งตนเอง จึงต้องเร่งปฎิรูปและปรับปรุงกันครั้งใหญ่ การปฏิรูปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการทำให้คนทั้งประเทศลุกขึ้นรักกันสามัคคีกัน โดยช่วยกันสร้างปัจจัยที่จำเป็น อย่าทิ้งให้ใครอดอยาก อย่าทิ้งให้ใครทุกข์เข็ญอยู่ข้างหลัง ซึ่งตนถือว่านายเดชาเสียสละทำให้คนทั้งประเทศได้เห็น ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปจนถึงขอทานเลย เพราะทุกคนมีสิทธิเจ็บป่วยเหมือนกันหมด ได้เวลาแล้วที่ประชาชนจะรวมตัวกันพึ่งตนเองให้ได้

ขณะที่นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค Komsarn Pokong เกี่ยวกับข้อสงสัยทางกฎหมายกรณีการครอบครองกัญชาของมูลนิธิข้าวขวัญ โดยมีเนื้อหาบางตอนระบุว่า เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ได้มีผลใช้บังคับ โดยในบทบัญญัติมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดหลักการสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายไว้ในลักษณะของบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดในกฎหมายดังกล่าวเป็นเวลา 90 วัน

นายคมสันกล่าวว่า โดยบทบัญญัติในมาตรา 22 ระบุว่า ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การใช้รักษาโรคเฉพาะตัว หรือการศึกษาวิจัย อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ไม่ต้องรับโทษสำหรับการกระทำนั้นเมื่อดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) ยื่นคำขอรับใบอนุญาตต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในกรณีที่เป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 26/5 ให้สามารถครอบครองยาเสพติดให้โทษดังกล่าวได้ต่อไปจนกว่าการพิจารณาอนุญาตจะแล้วเสร็จ (2) ในกรณีนอกจาก (1) ให้แจ้งการครอบครองต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาภายในกำหนด 90 วัน ทั้งนี้ หากเป็นผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคเฉพาะตัว และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ

นายคมสันกล่าวอีกว่า บทเฉพาะกาลดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ครอบครองยาเสพติดประเภท 5 เฉพาะกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ไม่ต้องรับโทษ หากได้ดำเนินการตามที่กำหนดในบทบัญญัติมาตรา 22 ภายในช่วงเวลา 90 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ คือในช่วงเวลาวันที่ 19 กุมภาพันธ์-20 พฤษภาคม 2562

โดยหลักการของบทเฉพาะกาลนี้เป็นบทกฎหมายที่มีลักษณะพิเศษ เป็นการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำความผิด ซึ่งเป็นการยกเว้นการรับโทษในช่วงกฎหมายใช้บังคับ ซึ่งการมีกฎหมายใหม่จะทำให้ผู้ครอบครองกัญชาไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องได้รับผลกระทบจากการมี พ.ร.บ. ฉบับนี้ และจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ซึ่งกระทำการที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิดจะได้ปฏิบัติตนให้เป็นไปตามกฎหมายที่บัญญัติขึ้นใหม่ทันทีที่กฎหมายใช้บังคับ รวมทั้งจะมีผลทำให้เป็นการลดการกระทำความผิดกฎหมายและได้ผลในการสมัครใจเข้าสู่การดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการลดการก่ออาชญากรรมในรูปแบบมาตรการทางกฎหมายเชิงบวก

นายคมสันกล่าวว่า บทบัญญัติมาตรา 22 ดังกล่าว มีลักษณะเดียวกับการกำหนดการนิรโทษกรรมตามบทเฉพาะกาลพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ซึ่งเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายแต่ละครั้งก็ได้มีการนิรโทษกรรมเกือบทุกครั้ง ดังนั้น เมื่อเราพิจารณาเปรียบเทียบบทบัญญัติของการตราบทเฉพาะกาลเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ดังกล่าวข้างต้น กับบทบัญญัติมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) แล้วจะพบหลักการสำคัญในการนิรโทษกรรม

อาจารย์คณะนิติศาสตร์กล่าวว่า ด้วยประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจค้นและจับกุมบุคคลในมูลนิธิข้าวขวัญว่ามีการผลิต ครอบครอง จำหน่ายจ่ายแจก กัญชา ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ที่ได้รับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดในช่วง 90 วัน จึงเป็นการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักการของกฎหมาย และเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 22 เพราะการมีบทเฉพาะกาลดังกล่าวเป็นไปด้วยเงื่อนไขที่หลายฝ่ายก็เข้าใจอยู่ว่า ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์-20 พฤษภาคม เป็นช่วงเวลาของการนิรโทษกรรมไม่เอาผิดกับผู้มีกัญชาไว้ในการครอบครองในทุกกรณี ไม่ว่าจะมีไว้ในครอบครองเพื่อผลิต การค้า การจำหน่าย จ่ายแจก หรือกิจกรรมใด ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การใช้รักษาโรคเฉพาะตัว การศึกษาวิจัย หรือเพื่อการใดๆ ซึ่งรวมถึงการมีไว้เพื่อสันทนาการก็ตาม ก็ได้รับประโยชน์จากบทนิรโทษกรรมดังกล่าวด้วย

“เมื่อหลักการของกฎหมายเป็นไปดังกล่าว การกระทำของเจ้าหน้าที่ที่เข้าดำเนินการกับมูลนิธิขวัญข้าวจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักความชอบด้วยกฎหมายในสาระสำคัญของหลักนิติรัฐ คือหลักกฎหมายว่าด้วยความมาก่อนของกฎหมาย และการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามกฎหมาย เราไม่รู้ว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเกิดจากวัตถุประสงค์ใด แต่หากเป็นการกระทำเพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลใดต้องรับผิดทางอาญา หรือเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลหรือกลุ่มผลประโยชน์ใดๆในการมีสิทธิเหนือกัญชา เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้กระทำไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งคงต้องเตรียมตัวสำหรับการรับผลจากการกระทำเอาไว้ด้วย” นายคมสันกล่าว


You must be logged in to post a comment Login