วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“ก้องศักด ยอดมณี” ผู้พลิกโฉมกีฬาไทยสู่ความทันสมัยระดับโลก!

On April 11, 2019

 

วงการกีฬาไทยกำลังจะมีการพลิกโฉมครั้งสำคัญสู่ความทันสมัยทัดเทียมระดับโลก! ภายใต้โปรเจกต์ยักษ์ของ “ก้องศักด ยอดมณี” ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ด้วยการเนรมิต “ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ” ที่ล้ำยุค เดินทางสะดวก สามารถตอบโจทย์วัยรุ่นยุคใหม่และประชาชนทั่วไปได้อย่างครบวงจรในทุกมิติ

 

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย คนที่ 13 มองเห็นปัญหาสำคัญของวงการกีฬาเมืองไทยที่ไม่สามารถทำให้ก้าวไปไกลได้เท่าที่ควรจะเป็น ยิ่งเมื่อเทียบกับต่างชาติไม่เว้นแม้แต่ละแวกอาเซียนอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่พัฒนาก้าวกระโดดรุดหน้าจนแซงขึ้นเป็นหัวแถวของภูมิภาคทั้งด้านเทคโนโลยี การฝึกซ้อม และสิ่งก่อสร้างต่างๆ  จึงเร่งขับเคลื่อนวางแผนคิดค้นหาวิธีแก้ไขและพัฒนาจนออกมาเป็น 12 โครงการยักษ์ที่จะยกระดับวงการกีฬาไทยให้ทันสมัยและเปี่ยมประสิทธิภาพในทุกมิติ

 

12 โครงการภายใต้นโยบาย นำ “กีฬา” พัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ สังคม ครอบคลุมในทุกมิติของการพัฒนาวงการกีฬา โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นหลัก โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดมาใช้พัฒนาศักยภาพนักกีฬา โค้ช และสมาคมกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ฝึกซ้อม อุปกรณ์การฝึกซ้อม โรงพยาบาลกีฬา โภชนาการ จิตวิทยา สรีรวิทยา ที่ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อต่อยอดไปสู่ความเป็นเลิศ ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้มีความสามารถด้านภาษาและข้อกฎหมาย รวมถึงสนับสนุนกีฬาเยาวชน กีฬาคนพิการ กีฬาพื้นบ้าน ส่งเสริมกิจกรรมกีฬาใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ และอื่นๆ อีกมากมาย

 

อย่างไรก็ตามโครงการที่เป็นไฮไลท์ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมวงการกีฬาไทยสู่ความทันสมัยที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้น โครงการยกระดับการให้บริการของ กกท. (Smart National Sports Park) โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ หรือ National Training Center (NTC) ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุด โดยเริ่มแห่งแรกที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) ก่อนพัฒนาสู่จังหวัดอื่นๆ อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลา ชลบุรี เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศและรองรับการเป็นศูนย์กลางด้านกีฬาของอาเซียนในอนาคต เพราะสิ่งนี้จะกลายเป็นจุดดึงดูดให้ประชาชนทั่วไปและวัยรุ่นยุคใหม่หันมาสนใจกีฬากันมากขึ้น นอกจากนี้ยังเตรียมปรับปรุงสนามกีฬา 4 สนามหลักที่อยู่ในความดูแลของ กกท. ครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกเพื่อให้สามารถรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทัวร์นาเมนท์ระดับนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ  ประกอบด้วย สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) ที่จะมีการทาสีใหม่และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี, สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่, สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา และสนามกีฬาพรุค้างคาว จ.สงขลา ซึ่ง ดร.ก้องศักด และทีมงานได้ศึกษางานอย่างละเอียดรวมถึงเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี การตาร์ เพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้กับประเทศไทย

 

“เราเดินทางไปศึกษางานยังประเทศที่มีความโดดเด่นด้านการกีฬา อย่างเช่น เยอรมนี ที่มีวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ทันสมัยลำดับต้นๆของโลก หรือกาตาร์ ที่มีโรงพยาบาลกีฬาที่ทันสมัยที่สุดในโลก ตลอดจนสปอร์ตฮับและสนามกีฬาหลักของชาติต่างๆ ก่อนรวบรวมเอาข้อดีของแต่ละประเทศมาปรับใช้ให้เข้ากับเราให้มากที่สุด และเราจะทำให้ดียิ่งกว่า เพื่อพลิกโฉมวงการกีฬาไทยให้ทันสมัยและเปลี่ยนรูปโฉมไปเลย”  ดร.ก้องศักด กล่าว

 

ภายในศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ นอกจากจะนำเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาแล้ว บริเวณโดยรอบยังเตรียมถูกเนรมิตให้เข้าถึงประชาชนทั่วไปได้มากขึ้น โดยเน้นที่ความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์วัยรุ่นยุคใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “สปอร์ตมอลล์” ห้างสรรพสินค้าที่จะรวบรวมอุปกรณ์กีฬาจากแบรนด์ชั้นนำ “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” ศูนย์รวมโรงเรียนฝึกสอนกีฬา พิพิธภัณฑ์ด้านกีฬา ศูนย์อีสปอร์ต ดนตรี ศิลปะ ตลอดจนร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ มากมาย และ “เฮลท์ตี้ คอมมิวนิตี้” ลานกิจกรรมสีเขียวสำหรับออกกำลังกายของคนทุกเพศทุกวัย

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือประชาชนสามารถเดินทางเข้ามาใช้บริการได้อย่างสะดวกสบายด้วยบริการขนส่งสาธารณะ โดยจะมีรถไฟฟ้าใต้ดินหน้าสนามกีฬาหัวหมากจำนวน 2 สถานี ซึ่ง  ดร.ก้องศักด ได้เตรียมแผนที่จะปรับปรุงพื้นที่ เชื่อมโยงการเดินทางจากตัวสถานีจนถึงตัวสนามกีฬาด้วยการเดินเท้าให้ได้มากที่สุด พร้อมจัดพื้นที่ค้าขายตลอดเส้นทาง เพื่อให้ผู้คนเพลิดเพลินในการเดินทางจนถึงตัวสนาม เรียกได้ว่าการจะเดินทางมาใช้บริการนั้นแสนสบาย ไม่ต้องเผชิญกับปัญหารถติดและที่จอดรถ อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนให้เกิดการออกกำลังกายและลดมลภาวะอีกด้วย

 

“เรามุ่งหวังให้ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนและวัยรุ่นได้มาใช้ชีวิตตรงนี้แทนห้างสรรพสินค้า เราจึงพยายามนำสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างมาบริการครบวงจรในที่เดียว เมื่อเรามีพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาทำกิจกรรมกีฬาได้มากที่สุด เปิดพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกภาค จะช่วยให้ประชาชนสามารถมาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งครอบครัว ที่สำคัญยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรง นำมาซึ่งการลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล พร้อมต่อยอดถึงการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น การทำให้เด็กรักการเล่นกีฬา การเปิดโอกาสให้คนได้เข้าถึงการเล่นกีฬาได้มากขึ้น คือหัวใจสำคัญที่ผมอยากจะทิ้งไว้เป็นผลงาน และตอนนี้เราก็ได้เริ่มขับเคลื่อนดำเนินการโครงการทั้งหมดไปแล้ว ผมมั่นใจว่าหากได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ เราก็จะสามารถผลักดันโครงการไปตามแผนงานได้”  นายใหญ่หัวหมาก เผย

 

นอกจากนี้ กกท. ยังเตรียมก้าวสู่ความล้ำสมัยด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยในการสื่อสารกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็น การให้ความรู้และบริการผ่านโซลเชียลเน็ตเวิร์ก การเปิดซื้อตั๋วและดูโปรแกรมกีฬาผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนนำระบบเก็บข้อมูลที่ได้มาตรฐานมาใช้ในการเก็บข้อมูลของนักกีฬาและผู้มาใช้บริการในส่วนต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์และพัฒนาต่อไป 

 

ขณะเดียวกันยังเตรียมปรับโฉมมหกรรมกีฬาในประเทศให้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นทั้ง กีฬาแห่งชาติ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ กีฬาผู้อาวุโสแห่งชาติ ฯลฯ โดยการนำรูปแบบของสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนท์ทั้ง แสง สี เสียง สปอร์ตเฟสติวัล สปอร์ตเอ็กซ์โป มาปรับใช้ให้เป็นทัวร์นาเมนท์กีฬาที่สนุกสนานและผู้คนตั้งตารอคอย ไม่ใช่แค่เน้นที่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะตามมาซึ่งการไหลเวียนของเม็ดเงิน เปิดให้ประชาชนได้เข้ามาทำมาหากิน ช่วยสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น กระจายรายได้ให้แก่สังคม กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดเจ้าภาพและจังหวัดใกล้เคียง 

 

ไม่เพียงแค่โปรเจ็กต์ในการพัฒนาศักยภาพของการกีฬาไทยให้ทันสมัยขึ้นเท่านั้น แต่ ดร.ก้องศักด ยังเล็งเห็นถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยเฉพาะด้านการเงิน จึงได้วางแผนสร้างความมั่นคงด้านการเงินให้กับการกีฬาทาง ด้วยการผลักดันให้เกิด “สลากกีฬา” หรือสปอร์ตล็อตโต้ เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองและมีงบประมาณมาพัฒนาวงการกีฬาได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น นอกเหนือจากเงินสนับสนุนจากรัฐบาลภายใต้เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่มาจาก 2% ของภาษีเหล้า บุหรี่ และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ยังจะช่วยให้ประชาชนรู้สึกใกล้ชิดกับกีฬาและมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาวงการกีฬาไทย เพราะเงินที่ซื้อสลากจะถูกนำไปใช้พัฒนาวงการกีฬา เช่น สนับสนุนการสร้างโรงพยาบาลกีฬา หรือสนับสนุนการจัดการแข่งขันต่างๆ   

 

“ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นจริงแน่นอน และจะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้อย่างมหาศาล ในด้านเศรษฐกิจ มั่นใจว่าจะสร้างรายได้และเงินหมุนเวียนเข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท จากการท่องเที่ยวเชิงกีฬา การสร้างงานสร้างรายได้จากการจัดมหกรรมกีฬาต่างๆ ไม่นับรวมประโยชน์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยดึงดูดให้ประชาชน เยาวชน และเด็กยุคใหม่หันมาใส่ใจการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้” ดร. ก้องศักด์ ทิ้งท้าย

 

……………………………..


You must be logged in to post a comment Login