- อย่าไปอินPosted 16 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ให้ศาสนานำพาชีวิตเถอะ
คอลัมน์ สันติธรรม
ให้ศาสนานำพาชีวิตเถอะ
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 12-19 เมษายน 2562)
ในตอนเป็นเด็กเราเคยถูกสอนว่ามนุษย์ต้องการปัจจัยสี่ในการดำรงชีพ นั่นคือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค แต่เด็กสมัยใหม่บอกว่าปัจจัยสี่ยังไม่เพียงพอสำหรับการมีชีวิตที่ดีในปัจจุบัน ยังต้องมีอีก 2 ปัจจัยจำเป็น นั่นคือ สมาร์ทโฟน และยานพาหนะ
คนรุ่นเก่าอย่างเราคงปฏิเสธเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้ เพราะ 2 สิ่งที่เพิ่มมาถือว่าจำเป็นเหมือนกัน
แต่ไม่ว่ามนุษย์จะต้องการหรือมีปัจจัยจำเป็นสำหรับการดำรงชีพมากมายเพียงใดก็ตาม มนุษย์ยังต้องการกฎระเบียบในการดำเนินชีวิตที่เอื้อให้เกิดความสงบสุขและปลอดภัยในชีวิต
ดาวนับแสนล้านดวงในจักรวาลอยู่ร่วมกันอย่างสงบ ไม่สับสนอลหม่านเหมือนสังคมมนุษย์ เพราะดาวแต่ละดวงปฏิบัติตามกฎของการโคจรที่พระเจ้าผู้สร้างมันขึ้นมาได้กำหนดไว้
สัตว์ทุกชนิดแม้กระทั่งมดและปลวกยังมีกฎระเบียบในการดำเนินชีวิต
แม้แต่เล่นกีฬาทุกอย่างยังต้องมีกฎและกติกาเพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างสนุกสนาน
ถ้ามนุษย์ที่มีความคิดหลากหลายอยู่ร่วมกันในสังคมที่ไม่มีกฎระเบียบและกติกา ความสับสนวุ่นวายจะเกิดขึ้นได้ทุกขณะ และมนุษย์ที่อยู่ในสังคมนั้นเองจะได้รับผลเสียจากความสับสนวุ่นวาย
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ในยุคปัจจุบันรัฐบาลและรัฐสภาเป็นผู้กำหนด
แต่ในกาลก่อนที่สังคมมนุษย์ยังไม่มีรัฐบาลหรือรัฐสภาเป็นผู้ออกกฎหมาย มนุษย์ใช้อะไรเป็นกฎในการจัดระเบียบครอบครัวและสังคม?
คำตอบคือศาสนา
แม้จะไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายให้คนหวาดกลัวหรือหลาบจำ แต่ศาสนามีบทลงโทษในโลกหน้าคอยควบคุมจิตวิญญาณมิให้ผู้ศรัทธาในศาสนาละเมิดกฎทางศีลธรรม สังคมที่ปฏิบัติตามหลักศาสนาจึงมีความปลอดภัย เพราะคนเชื่อฟังศาสนามากกว่ากฎหมาย และถ้าผู้มีอำนาจออกกฎหมายที่ขัดต่อหลักคำสอนของศาสนา ผู้ศรัทธาในศาสนาจะไม่ยอมรับและต่อต้านทันที
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคำสอนที่แท้จริงของศาสนาสอดคล้องหรือไม่ก็รับรองความรู้สึกตามธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างเขามาในคุณลักษณะของพระองค์
ไม่มีมนุษย์คนใดชอบความสกปรก ยกเว้นคนจิตวิปริต เพราะธรรมชาติของมนุษย์รักความสะอาด คำสอนของศาสนาจึงถือว่าความสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธา และความศรัทธานี้เองที่ได้ถูกแปรเป็นการปฏิบัติบางอย่าง เช่น การขริบหนังปลายอวัยะวะเพศ
ลองเขกหัวเด็กอายุ 10 ขวบดู และถามเด็กว่าดีไหมที่ถูกเขกหัว เด็กทุกคนจะรู้ว่าการรังแกและการถูกรังแกเป็นสิ่งไม่ดี หรือลองถามเด็กคนนั้นดูว่ายุติธรรมไหมถ้าคนทำผิดแล้วไม่ถูกลงโทษ เด็กจะตอบได้ทันทีว่าไม่ยุติธรรม เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงยุติธรรม และพระองค์ได้ประทานคุณสมบัตินี้ให้แก่มนุษย์เป็นธรรมชาติ คำสอนของศาสนาถูกส่งมายืนยันความจริงในเรื่องความยุติธรรม ทุกศาสนาจึงไม่ยอมรับความอยุติธรรม
ดังนั้น ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีมนุษย์ ศาสนาจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องมี และศาสนามิได้เป็นแค่เพียงพิธีกรรมที่ต้องการให้คนกลุ่มหนึ่งปฏิบัติภายในศาสนสถานที่กำหนดไว้ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
โลกถูกพระเจ้าผู้สร้างมันกำหนดให้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 93 ล้านไมล์ และหมุนรอบตัวเอง 24 ชั่วโมง ถ้าโลกฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าโดยการเข้าใกล้หรือออกห่างจากดวงอาทิตย์ตามที่ถูกกำหนดไว้ หรือหยุดหมุนเพียงชั่วขณะ ชีวิตที่เป็นปรกติสุขคงเป็นไปไม่ได้ฉันใด
การฝ่าฝืนกฎของศาสนาก็ไม่อาจทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ปรกติสุขได้ฉันนั้น
You must be logged in to post a comment Login