วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“นิกร”ชี้ศาลอย่าวินิจฉัยให้เป็น”ทศนิยม”เพราะปัญหาจะไม่จบ

On April 12, 2019

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยอมรับถึงทางตันจึงต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสูตรคิด ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ว่า ได้ทราบแล้วว่าที่ประชุม กกต. มีมติเป็นเอกฉันท์ต่อการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวคงต้องขอบคุณ กกต. ที่ยอมเสียหน้ายอมรับในปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดปัญหาแล้วไม่ยอมปล่อยไว้ถือเป็นการแก้ไขปัญหาแบบทีเดียวเบ็ดเสร็จเด็ดขาดผลจะออกอย่างไรก็ต้องออกมา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาของ กกต. แต่เป็นปัญหาที่เริ่มต้นมาตั้งแต่กฎหมายมีความคลุมเครือมาตั้งแต่ต้นแล้วซึ่งเมื่อครั้งที่ตนเป็น สปท. ได้เคยทักท้วงแล้วเพราะถ้าจะโทษก็ต้องโทษชุดกรรมาธิการร่างกฎหมายลูก(กฎหมายเลือกตั้ง)ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ไม่เคยมองฝ่ายการเมืองซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติไม่เคยถามความคิดเห็นเลยแม้แต่นิดเดียวจึงทำให้เกิดปัญหาเพราะเขานั่งคิดเอาเองโดยผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติไม่เคยใช้แต่กลับคิดเอาเองมโนเอาเองแต่ขณะที่ทางกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ออกกฎหมายเขายังเชิญนักการเมืองมาให้ข้อคิดเห็น

“ถือว่าถูกต้องแล้วที่ กกต. ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดปัญหาก็จะอยู่ที่ศาลว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เชื่อว่าศาลน่าจะรับไว้เพราะถ้ารับไว้พิจารณาตอนนี้ก็ยังทันมีเวลาก่อน 9
พ.ค. ไม่เช่นนั้นถ้ารอไปอีกกว่าถั่วจะสุกงาก็จะไหม้แล้ว ถ้าเลยวันที่ 9 พ.ค.ไปจะทำอย่างไรจึงอยากวิงวอนให้ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา เพราะมีปัญหาขึ้นแล้วคือการหาทางออกไม่ได้เกิดการแย้งและขัดแย้งกันมากของหลายฝ่ายเช่นนักคณิตศาสตร์นักวิชาการ ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งที่สมบูรณ์อยู่ในตัวยิ่งกว่ามีปัญหาไม่มีทางออกแล้วศาลเป็นที่สุดท้าย และเมื่อตัดสินอะไรมาทุกคนก็ต้องยอมรับเรื่องจะได้จบปัญหาที่รออยู่หลายปัญหา เช่น ด้านการเมืองด้านกฎหมายจะได้ไม่ลุกลามไปกันใหญ่ระหว่างนี้ กกต. ก็ไปดูเรื่องเขตที่ยังต้องเลือกตั้งใหม่นับคะแนนใหม่คะแนนยังไม่นิ่ง แต่ถ้าคะแนนนิ่งแล้วสูตรคิดไม่มีก็ยุ่งเลยทีนี้ดังนั้นยังพอมีเวลาอยู่” นายนิกรกล่าว 

เมื่อถามถึงกรณีที่ยังมีข้อถกเถียงกันถึงเลขทศนิยมที่น้อยกว่า 1 เช่น 0.8 จะถือว่าเกินกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมีหรือไม่นั้น นายนิกร กล่าวว่า คือหลักการเรื่องสัดส่วนผสมนั้นถือเป็นหลักการใหม่ กกต.เสนอการนับแบบ 5 เปอร์เซ็นต์ทั้งที่เป็นของการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ แต่นำมาปนกันทั้งที่ปนกันไม่ได้ดังนั้นการพูดถึงคะแนนตกน้ำจะบอกว่าทุกคะแนนไม่ได้แต่จะมีอยู่เพียงส่วนหนึ่งที่ต้องนำมาถูกคิด แต่ของพรรคการเมืองที่ได้ไปแล้วจะเอาไปไหนหลายหมื่นคะแนนอย่างนั้นถือว่าเป็นเสียงตกน้ำชิ้นใหญ่เขาก็เลยไม่ยอมกัน แต่ตอนนี้มีจำนวน ส.ส.พึ่งมีอยู่ก็ต้องนำมาหารตามเจตนารมณ์ของการพึ่งมีถือว่าเป็นคนละระบบกับเมื่อก่อน ดังนั้น ถ้าระบบสัดส่วนผสมกับแบบสัดส่วนเดิมที่ 5 เปอร์เซ็นต์นั้นมันคล้ายกันแต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกันถ้านำมาคิดร่วมกันก็ถือว่ามั่วแล้วจะกลายเป็นทศนิยมไม่รู้จบนั่นคือ “ทศนิยมที่ทำให้ปัญหาไม่รู้จบ”


You must be logged in to post a comment Login