วันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘มงคลกิตติ์’ หวั่น ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ กลายเป็น’รัฐบาลฮั้ว’

On April 16, 2019

เพื่อผลประโยชน์ ชี้เลวร้ายกว่า ‘นิรโทษกรรมสุดซอย’ ประกาศขอเป็นฝ่ายค้าน ดีกว่าไปร่วมแต่หลักนิติธรรมเสียหาย

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองภายหลังจากที่พรรคการเมืองต่างๆ ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ว่า ขณะนี้ที่ตนได้ยินมาว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ก็พยายามดิ้นรนที่จะขอเข้าร่วมเป็นรัฐบาล โดยมีการพยายามชงสูตรต่างๆ ออกมาให้ประชาชนไขว่เขว้ ล่าสุด มีสมาชิกบางพรรคการเมือง ได้เสนอสูตร ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ โดยอ้างว่า เป็นรัฐบาลที่มีวาระเพียงแค่ 2 ปี ทำภารกิจหลัก 2 อย่างคือ แก้ปัญหาปากท้องกับแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้ง มีการโยนชื่อบุคคลสำคัญที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจำนวน 4 ราย เพื่อหยั่งกระแสความต้องการของประชาชน ซึ่งตนเห็นว่า ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากประชาชนได้เลือก ส.ส. แล้ว ก็ยังได้เลือกนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคการเมืองอีกด้วย ดังนั้น การที่สมาชิกบางพรรคออกมาโยนชื่อใครต่อใครนั้น ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกับบุคคลที่คนๆนั้น เอ่ยอ้าง รวมถึงเป็นการไม่ให้เกียรติ ประชาชนกว่า 30 ล้านคนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่แสดงเจตนาว่าต้องการที่จะได้นายกฯ จากบัญชีของพรรคการเมืองนั้นๆ
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า อีกทั้งกลไกของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน การเลือกนายกรัฐมนตรี ภายใน 5 ปีแรก จะต้องมีเสียงสนับสนุนของ ส.ส.- ส.ว. รวมกันถึง 376 เสียง และมีการคาดการณ์กันว่า สมาชิกพรรคการเมืองบางพรรคที่เคยไปแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลและมีการลงสัตยาบันนั้น จะตัดสินใจหันมาสนับสนุนอีกขั้วหนึ่ง เพื่อตั้งรัฐบาลเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น การที่มีการปล่อยข่าวเรื่อง ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ จึงเป็นเรื่องของคนที่วิตกจริตไปเองมากกว่า เพราะในรัฐธรรมนูญเอง มีบทบัญญัติในการตั้งรัฐบาลอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และก็ยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับฝ่ายค้านไว้ตรวจสอบถ่วงดุลอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลแห่งชาติ แต่อย่างใด

“การมีรัฐบาลแห่งชาตินะดีไหม ในความเห็นส่วนตัว ผมว่าไม่ดีแน่ เพราะจะไม่มีใครตรวจสอบตามระบบรัฐสภา ประชาชนที่เลือก ส.ส.มาจะเสียประโยชน์อย่างมาก ถ้านักการเมืองสมผลประโยชน์กันแบ่งผลประโยชน์กัน จะไม่มีใครตรวจสอบ การทุจริตคอร์รัปชั้นจะทวีคูณมากขึ้น
และดีไม่ดีนักการเมืองจะแอบเจรจานิรโทษกรรมคดีของแต่ละฝ่ายกัน อ้างว่าบ้านเมืองจะขัดแย้งวุ่นวายจำเป็นต้องฮั้วกัน คราวนี้จะยิ่งกว่านิรโทษกรรมสุดซอย หลักนิติธรรมจะเสียหาย
ซึ่งผม ยังต้องการให้มีฝ่ายรัฐบาลที่เข้มแข็งบริหารประเทศได้และ ฝ่ายค้านที่ตรวจสอบเก่งป้องปรามก่อนความเสียหายจะเกิดขึ้นพร้อมแนะแนวทางแก้ไขปรับปรุงให้รัฐบาล อีกมุมหนึ่ง ถ้าจะเกิดรัฐบาลแห่งชาติจริงแต่แทบไม่มีโอกาสเลย แล้วมาฮั้วกัน ผมเองขอบอกเลยชัดๆว่า จะขอเป็นฝ่ายค้านเพียงคนเดียว ผมจะไม่ยอมให้ใครมาร่วมมือกันทุจริตในประเทศเด็ดขาดโดยอ้างว่าบ้านเมืองจะวุ่นวายต้องปรองดอง ต้องรัฐบาลแห่งชาติ ประชาชนจะเสียหายหนัก ถ้าคนอื่นจะฮั้วกัน ผมไม่เอาด้วยเด็ดขาด” นายมงคลกิตติ์ กล่าว


You must be logged in to post a comment Login