วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ บังคับใช้17เมษายน

On April 17, 2019

นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดทุนและเทคโนโลยีทางการเงินมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ประกอบกับพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ยังมีส่วนที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่เพียงพอที่จะคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าว”

ทั้งนี้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ฉบับใหม่นี้จะครอบคลุม 6 ด้าน ได้แก่ (1) เพิ่มความยืดหยุ่นในการการกำกับดูแลธุรกิจหลักทรัพย์ อาทิ ยกเลิกการกำหนดทุนจดทะเบียนของบริษัทหลักทรัพย์ไว้ในระดับกฎหมาย โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถใช้ดุลยพินิจในการกำหนดให้เหมาะสมกับลักษณะและความเสี่ยงของธุรกิจ และให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถกำหนดให้การประกอบกิจการในบางลักษณะไม่เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ เช่น การให้บริการต่อคนในวงจำกัด หรือการทำ regulatory sandbox เป็นต้น ซึ่งเป็นการรองรับการประกอบธุรกิจและการให้บริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยี

(2) ด้านการกำกับดูแลธุรกิจจัดการลงทุน จะมีการกำหนดหน้าที่ (fiduciary duty) ของผู้ประกอบธุรกิจหรือ บลจ. ไว้ในกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการดูแลรักษาประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน โดย บลจ. จะต้องมีนโยบายป้องกันและติดตามดูแลการกระทำที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ไม่เป็นธรรม หรือทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเสียประโยชน์ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติในการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทางปฏิบัติมากยิ่งขึ้น โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถร้องขอต่อศาลเพื่อเพิกถอนมติได้ หากพบว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์

(3) ปรับปรุงการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยจะมีการกำหนดภารกิจ (regulatory objectives) และหลักเกณฑ์ในการดำเนินกิจการของตลาดหลักทรัพย์ และกำหนดให้กระบวนการออกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. และมีการรับฟังความคิดเห็นจาก บล. สมาชิก ผู้ลงทุน หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จะมีการปรับปรุงให้ประกอบด้วยบุคคลซึ่ง บล. สมาชิกเลือกตั้งจำนวนไม่เกิน 4 คน และอีก 6 คนมาจากการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งจะคัดเลือกจากรายชื่อที่กลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุนเสนอมา เพื่อให้การดำเนินการคำนึงถึงประโยชน์ของตลาดทุนโดยรวม และมีผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง รวมถึงขยายวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการจาก 2 ปี เป็น 3 ปีเพื่อให้การดำเนินการมีความต่อเนื่อง

(4) เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดทุน อาทิ ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจประกาศกำหนดให้บุคคลที่มิใช่ บล. สมาชิกสามารถทำการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ เปิดโอกาสให้ บล. สมาชิกสามารถซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ได้มากขึ้น และส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในการประกอบธุรกิจศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ โดยศูนย์รับฝากหลักทรัพย์สามารถให้บริการรับฝากหลักทรัพย์ด้วยระบบไร้ใบหลักทรัพย์ (scripless) ได้สำหรับหลักทรัพย์ทุกประเภท และสามารถใช้ระบบไร้ใบหลักทรัพย์ได้ตลอดกระบวนการ

(5) จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (กองทุน CMDF) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน และแยกบทบาทหน้าที่ในด้านการพัฒนาตลาดทุนออกจากการเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ (exchange function) ของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

(6) เพิ่มประสิทธิภาพ ความชัดเจน และความโปร่งใสในการดำเนินงานของ ก.ล.ต. อาทิ กำหนดให้สำนักงาน ก.ล.ต. จัดทำแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และวัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลตลาดทุนตามมาตรฐานสากล รวมทั้งให้สามารถเปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ให้แก่หน่วยงานที่กำกับดูแลผู้สอบบัญชีหรือสินค้าหรือตัวแปรของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้

ทั้งนี้ รายละเอียด พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ (ฉบับที่ 6) สรุปสาระสำคัญ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง มีเผยแพร่บนเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th แล้ว


You must be logged in to post a comment Login