วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ระบอบพิสดาร

On April 19, 2019

คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด

ผู้เขียน : นายหัวดี

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 เม.ย. 62)

การใช้คำสั่ง “มาตรา 44” ปลดล็อกทีวีดิจิทัลไม่ต้องชำระเงินงวดที่ 5 และ 6 เป็นเงิน 13,000 ล้านบาท ค่า MUX 18,000 ล้านบาท ทั้งให้โอนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลให้ผู้ประกอบการรายใหม่ได้ สังคมคงไม่กังขา เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีสภาพใกล้จะเผาแล้ว

แต่การพ่วงให้ 3 ค่ายมือถือแบ่งชำระเป็น 10 งวด อ้างเพื่อจูงใจประมูลคลื่นถัดไปนั้น คนจำนวนไม่น้อยมีคำถามว่า “ผู้มีอำนาจ” มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาล “ปู-แม้ว” คงถูกฟ้องร้องและรุมประณามจมดินไปแล้ว

ล่าสุด พ.ร.ก.กู้เงินบริหารจัดการน้ำ 350,000 แสนล้านบาท “องค์กรปราบโกง” ก็ให้ข้อหาตีตกไปแล้ว แต่ใครจะรับผิดชอบความเสียหายที่ไม่สามารถวางระบบการบริหารจัดการน้ำได้ เหมือนโครงการระบบรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 4 สาย “เหนือ-ออก-อีสาน-ใต้” เพื่อ “สร้างอนาคตประเทศไทย 2020” โดยเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและเชื่อมโยงการค้าระหว่างกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ก็ถูกศาลตีตกอ้างให้ “ถนนลูกรัง” หมดจากประเทศก่อน

แต่ภายใต้รัฐบาลทหารที่พยายามผลักดันโครงการระบบรถไฟความเร็วสูงนอกจากยังไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน ยังมีแนวโน้มว่าเงินลงทุนจะสูงกว่าและสังคมยังตรวจสอบไม่ได้อีก

ภายใต้ “ระบอบเผด็จการ” ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและมีการใช้ “อำนาจพิเศษ” อนุมัติโครงการอีกมากมาย แม้แต่ช่วงที่กำลังจะมีรัฐบาลใหม่ “สำนักข่าวอิศรา” เปิดเผยการตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน พบว่าโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินเกินพันล้านบาทมีการลงนามในสัญญาว่าจ้างเอกชนเข้ามารับงานไปแล้วทั้งสิ้น 20 สัญญา วงเงินกว่า 130,000 ล้านบาท

ไม่ต้องถามว่าโครงการขนาดใหญ่มากมายที่ใช้ “อำนาจพิเศษ” และโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ มีความโปร่งใสหรือไม่ เป็นไปตามวินัยการการคลังหรือไม่ และมีมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่?

เพราะต้องเชื่ออย่างเดียวว่า “รัฐบาลนี้ไม่โกง”!!??

 


You must be logged in to post a comment Login