วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

จบแล้วจริงหรือ?

On April 22, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 22 เม.ย. 62)

เรื่องของ “บิ๊กโจ๊ก” ยิ่งผู้มีอำนาจพยายามทำให้เรื่องเงียบ เรื่องจบ ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถาม ยิ่งทำให้เป็นเรื่องลี้ลับสังคมยิ่งอยากหาคำตอบว่าอะไรคือสาเหตุการโยกย้ายกันแน่ ย้ายโดยไม่มีความผิดเป็นไปได้หรือ พ้นจากตำแหน่งเดิมแล้วไม่ต้องตั้งกรรมการสอบสวนก็ได้หรือ มันจบง่ายๆอย่างนี้ได้จริงๆหรือ ได้แต่หวังว่าเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ คนที่เข้ามาถือครองอำนาจใหม่จะให้ความกระจ่างกับประชาชนว่ากรณีของ “บิ๊กโจ๊ก” เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะยิ่งไม่ให้ความกระจ่างยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ข่าวลือที่แพร่สะพัดอยู่ในตอนนี้

ประเทศกูมี!

หลัง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ถูกเด้ง 2 ครั้งจนกระเด็นมานั่งตบยุงในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

จนถึงตอนนี้สาเหตุการเด้งยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ มีแต่ข่าวลือกันตามสื่อออนไลน์ นอกจากไม่มีคำชี้แจงแสดงเหตุผลการเด้งแล้ว ยังมีคำขู่ชาวเน็ตห้ามไลค์ เมนต์ แชร์ ข่าวลือตามสื่อออนไลน์ เพราะจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ยังมีความพยายามทำให้เรื่องเงียบ โดยบรรดาผู้มีอำนาจต่างเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หรือถ้าพูดก็พูดไปในทิศทางเดียวกันว่า “จบแล้ว”

“ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ย้อนหลัง เรื่องมันจบไปแล้ว เนื่องจากย้ายสังกัดไปแล้ว ส่วนย้ายเพราะสาเหตุใด ถ้าอยากรู้ให้ไปถามกันเอง”

นี่คือคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดหลังเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4/2562 ที่ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม แม้การเด้งหรือการโยกย้าย “บิ๊กโจ๊ก” จะเต็มไปด้วยความลี้ลับ แต่ในทางทฤษฎีสาเหตุของการโยกย้ายข้าราชการมีอยู่แค่ 2 อย่างคือ ย้ายเพราะทำกรรมดี กับย้ายเพราะทำกรรมชั่ว

ทั้งนี้ คนธรรมดาปรกติมีอันเข้าใจตรงกันว่า ถ้าย้ายเพราะทำกรรมดีย่อมได้ไปอยู่ที่ดีกว่าที่เดิม ได้เพิ่มยศเพิ่มตำแหน่ง แต่ถ้าย้ายเพราะทำกรรมชั่วก็เป็นไปอีกทิศทางหนึ่ง

นอกจากความดำมืดของการโยกย้ายแล้ว ยังมีเรื่องพิลึกอีกอย่างที่น่าสนใจคือ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ถูกเด้งไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยขาดจากการเป็นตำรวจ แม้จะมีข่าวว่าเข้าไปรายงานตัวกับต้นสังกัดใหม่แล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำงาน ก็สามารถใช้สิทธิลาพักร้อนไปพักผ่อนต่างประเทศได้นานกว่าครึ่งเดือน

“ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเมืองไทยใจดีอย่างนี้ได้ด้วยหรือ? บิ๊กโจ๊กเพิ่งถูกย้ายมา ยังไม่ได้เข้ารายงานตัวกับปลัดฯ ยังไม่ได้พบกับปลัดฯ แต่กลับใช้สิทธิขอลาพักร้อนไปอเมริกายาวนานถึงสิ้นเดือน เขียนใบลาทิ้งไว้ใช่หรือไม่? บิ๊กโจ๊กบินไปอเมริกาได้รับการอนุญาตตอนไหน? ปลัดฯก็บอกเองว่ามาเห็นใบลา หมายความว่ายังไม่เจอตัว แต่ก็กล้าอนุญาตลับหลังให้ ทั้งที่ความจริงข้าราชการจะเดินทางออกนอกประเทศจะต้องได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาเสียก่อนมิใช่หรือ? หากไปก่อนจะได้รับอนุญาตถือว่าผิดวินัยข้าราชการใช่หรือไม่? ปลัดฯก็ใจดีจัง อนุญาตตามหลังให้เขาไปอเมริกา อ้างว่าอนุญาตไปตามสิทธิของข้าราชการ (ทั้งที่เพิ่งถูกย้ายมา ยังไม่ได้เข้ารายงานตัว ยังไม่เคยพบตัว) ปลัดฯมั่นใจหรือว่าบิ๊กโจ๊กจะกลับมา หากบิ๊กโจ๊กไปแล้วไปลับไม่กลับมา ปลัดฯจะว่าอย่างไร? ปลัดฯจะรับผิดชอบอย่างไร? ช่วยตอบประชาชนด้วยนะ”

เป็นความเห็นและคำถามที่น่าสนใจจากนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน

ความลึกลับในการโยกย้าย ยิ่งผู้มีอำนาจพยายามทำให้จบ ทำให้เงียบ สังคมยิ่งสนใจ ยิ่งตั้งคำถาม ย้ายโดยไม่มีความผิดเป็นไปได้หรือ พ้นจากตำแหน่งเดิมแล้วไม่ต้องตั้งกรรมการสอบสวนก็ได้หรือ มันจบง่ายๆอย่างนี้ได้จริงๆหรือ

ก็ได้แต่หวังว่าเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ คนที่เข้ามาถือครองอำนาจใหม่จะให้ความกระจ่างกับประชาชนว่ากรณีของ “บิ๊กโจ๊ก” เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะยิ่งไม่ให้ความกระจ่างยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ข่าวลือที่แพร่สะพัดอยู่ในตอนนี้


You must be logged in to post a comment Login