วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ไม่มีธรรมสัจจะ

On May 6, 2019

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  6 พ.ค. 62)

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความประพฤติหรือคำพูดของคนที่โกนหัวมานุ่งห่มผ้าเหลืองมากมายว่า ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่อยู่ในศีลในธรรม ไม่รู้จักว่าสภาพของคนอยู่อย่างไร คนป่วยคนไข้ที่มีสภาพติดเตียง คนลุก นั่ง ยืน เดินไม่ได้นั้น เขามีจิตใจอยากทำบุญ ทำไมพระจึงต้องไปตำหนิว่าเขาไม่เคารพ ทำให้พระอาบัติ โดยไม่รู้ว่าอาบัติข้อไหน

พระพุทธเจ้าบัญญัติว่าคนป่วย คนเจ็บ จะต้องยืน จะต้องเคารพ ทำอย่างนั้นอย่างนี้หรือไม่ คนเราหากไม่มีธรรมสัจจะก็อยู่ยากอยู่ลำบาก ภาษาธรรมะเรียกว่า “พวกสัจจาภินิเวส” มีการกระทำแบบสุดโต่ง ไม่มองเฉพาะเรื่อง เฉพาะคน เฉพาะกรณี ยืนยันว่าต้องแบบนี้เท่านั้น อย่างอื่นไม่ได้ จะใส่บาตรต้องยืนขึ้นนอบน้อมอย่างนั้นอย่างนี้ จะนั่งรถเข็นไม่ได้

อย่างนี้ถือว่านักบวชไม่รู้กาลเทศะ ไม่รู้จักบุคคลที่ควรจะให้ แทนที่จะให้กำลังใจกลับไปตำหนิ จนมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าน่าจะเอาทัพพีเคาะหัวเคาะปาก ขอให้ผู้อยู่ในผ้าเหลืองรู้ว่าการจะอาบัติหรือไม่อาบัติ บาปหรือไม่บาป ให้ดูพุทธภาษิต

เจตนาเป็นตัวกำหนดว่าบาปหรือไม่บาป พระพุทธเจ้าบอกว่า ต้องรู้ว่าบาปขึ้นอยู่ที่เจตนา ถ้าไม่มีเจตนาจะลบหลู่ แต่สังขารไม่ร่วมมือให้ต้องยืน ทำอะไรไม่เหมือนปรกติเพราะสะโพกมันชำรุดทรุดโทรม แต่ยังลุกขึ้นใส่บาตรตอนเช้า ทำมาจนอายุ 70 ปี พระก็ควรจะรู้ที่มาที่ไปบ้าง ไม่ใช่เป็นพระแล้วจะต้องเคร่งครัดให้เป็นไปตามนั้นตามนี้

พระพุทธเจ้าบอกว่า เราไม่ควรดูถูกคน แม้เป็นบาปเล็กน้อยก็จริง แต่ทุกคนก็ไม่ควรจะกลัวบาปเสียจนทำอะไรก็ไม่ได้ จะกินยาถ่ายก็ไม่ได้ เดี๋ยวพยาธิตายจะบาป อย่างนี้เรียกว่า “โง่บริสุทธิ์” ถ้าหากพระบอกว่าโยมนั่งรถเข็นใส่บาตรแล้วบาป คนนอนติดเตียงอยากทำบุญให้ใจสบาย แต่พระรับไม่ได้จะเป็นบาป พระคือผู้ผิดวินัย ไม่ได้สนองน้ำใจคนป่วย คนเจ็บ ตำหนิโยมอย่างนั้นเท่ากับขาดเมตตาธรรม ทำให้เขาเสียใจ ผิดหวังในกุศลที่สร้าง มันโหดร้ายเกินไปหรือไม่ เคร่งวินัยแต่ไร้เมตตาแบบนี้ก็รับไม่ได้เหมือนกัน

อดีตกาลเด็กๆอยากใส่บาตร มันเอาขี้ฝุ่น เอาดินมาปั้น พระมหากัสสปะยังรับเลย เพราะถือว่าเด็กอยากทำบุญ ถามว่าเด็กบาปหรือเปล่า เด็กมีเจตนาอยากจะทำบุญ แต่ด้อยความรู้สึกนึกคิด สติปัญญาของเด็กมีแค่นั้น เหมือนคนป่วยที่เขาอยากทำบุญแต่มีข้อจำกัดทางร่างกาย

ก็ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ถึงพระด้วยกันว่า อย่าได้ตำหนิติเตียนให้ญาติโยมเสียศรัทธา เสียใจ พระจะบาปเสียเอง ต้องศึกษาเรียนรู้ให้ถูกต้องตามธรรมสัจจะ เฉพาะเรื่อง เฉพาะกรณี เฉพาะเหตุการณ์ เฉพาะบุคคล ต้องโอนอ่อนผ่อนปรนกันบ้าง อย่าเคร่งเครียดไปทุกอย่างจนเสียหายกับตัวเองและผู้ที่อุตส่าห์ทำนุบำรุงพระศาสนาด้วยความหวังดี

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login