- เสียเพราะรักPosted 1 day ago
- ตำรวจไทยโชว์ฝีมือPosted 2 days ago
- สามัคคีปรองดองกันให้ดีPosted 3 days ago
- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 4 days ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 5 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 1 week ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 1 week ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 1 week ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 2 weeks ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 2 weeks ago
“พีระพันธุ์”ไม่กังวลถูกร้องถือหุ้นสื่อแจงจดทะเบียนครอบจักรวาล
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2019/05/33315-300x300.jpg)
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณีที่ถือหุ้นบริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด ซึ่งที่ระบุในวัตถุประสงค์การจดทะเบียนประกอบกิจการสื่อ และอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติผู้สมัค รส.ส. ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่นายเรืองไกรร้องเรียน ต้องรอให้ กกต.แจ้งมาก่อน ซึ่งตนพร้อมที่จะชี้แจง ไม่รู้สึกกังวล และขอยืนยันว่าไม่มีกิจการสื่อใดๆ เป็นเพียงการจดทะเบียนบริษัทที่ดำเนินการโดยทนายความ และจดให้ครอบคลุมกิจการหลายอย่าง แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการตีความในเรื่องดังกล่าวควรต้องดูที่เจตนา
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า การทำกิจการหมายถึงบริษัทต้องทำกิจการนั้นจริง ถ้าพูดตามกฎหมาย คำว่าทำกิจการกับมีวัตถุประสงค์นั้นต่างกัน บริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อการนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าประกอบกิจการด้านนี้ เพราะฉะนั้นในทางปฏิบัติของกระทรวงพาณิชย์กับทนายที่จดทะเบียนในเรื่องนี้ เขาก็จะจดทะเบียนวัตถุประสงค์แบบครอบจักรวาลไว้ก่อน แต่เวลาที่เราจะทำกิจการอันไหน เราก็จะระบุไว้ในเอกสารอีกส่วนหนึ่ง และไปดูภาษีมูลค่าเพิ่มว่าจะจ่ายเกี่ยวกับกิจการอะไร เพราะฉะนั้นทนายจะเป็นคนไปจดทะเบียน แต่เวลาจะทำอะไรก็ต้องแจ้งอีกทีว่าจะออกภาษีมูลค่าเพิ่มกิจการอะไร ถ้าคุณทำสื่อก็ต้องแจ้งว่าทำธุรกิจสื่อ ก็ออกเอกสารเรื่องการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเรื่องสื่อ
“พอมาเป็นอย่างนี้กฎหมายเขียนว่าห้ามไม่ให้เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ถ้าดูตามหลักกฎหมาย คำว่า “กิจการ” แปลว่าจะต้องทำการด้านนั้น ไปเปิดพจนานุกรมดูได้ แต่คนที่มีอำนาจจะชี้แบบไหนเราก็ไม่สามารถขัดขืนได้ เราก็ต้องดูว่าเราจะชี้แจงกันอย่างไร ก็ว่ากันมาอีกทีหนึ่ง แต่หลักมันมาอย่างนี้ แต่ถ้าเขามีอำนาจแล้วชี้มา เราจะไปเถียงอะไรเขา แต่หลักกฎหมายมันเป็นมาอย่างนี้” นายพีระพันธุ์ กล่าว
เมื่อถามว่าประเด็นที่ถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อจะกระทบกับการจะเสนอตัวชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะตนยังไม่ได้ตัดสินใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคหรือไม่ และขณะนี้ตนก็มีเลขาธิการพรรคในใจแล้ว ซึ่งทั้งหมดจะตัดสินใจชัดเจนในสัปดาห์นี้
You must be logged in to post a comment Login