วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“ประยุทธ์”ยอมรับอยากให้”บิ๊กป้อม”ช่วยรบ.ใหม่

On May 17, 2019

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดใจกับสื่อมวลชนระหว่างร่วมรับประทานอาหาีกลางวัน ว่า เราได้เดินหน้ามา 5 ปี มีหลายอย่างดีขึ้น เราอยากให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปฏิรูป ซึ่งต้องอาศัยคนไทยทั้งหมดช่วยกัน
เพราะถ้าไม่ร่วมมือกันก็จะลำบาก ส่วนที่ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี จะอยู่เป็นเลขาธิการนายกฯต่อไปหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ พล.อ.วิลาศ เพราะตนไปบังคับใครไม่ได้ ใครทำงานเหนื่อย อยากพักผ่อน ก็ไม่ว่ากัน สำหรับ พล.อ.วิลาศ นั้น ถือเป็นรักแรก เราผูกพันกันมาก อยู่กันมาหลายปี ถึงอย่างไรก็ไม่ลืม ส่วนจะใช่รักสุดท้ายหรือไม่ ก็แล้วแต่การเดินหน้าตามวิถีทาง

ส่วนเลขาธิการนายกฯ คนต่อไปหลังจากมีรัฐบาลใหม่ ส่วนตัวยังไม่ได้คิด ซึ่งต้องได้คนที่ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งเราและคนภายนอกด้วย ไม่ใช่เราเชื่อมั่นแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะคนที่เป็นเลขานายกฯ จะต้องเป็นหลักให้กับนายกฯ ไม่ใช่นายกคนที่ 2 ส่วนจะเป็นนักการเมืองหรือไม่นั้น ก็จะต้องดูก่อน เพราะมีคนดีอีกมาก ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน นักการเมือง ซึ่งทุกคนเรียนรู้แล้ว ว่าบ้านเมืองมีปัญหาอย่างไรมาบ้าง และต้องเดินหน้ากันอย่างไร มิเช่นนั้นคงอยู่ไม่ได้มา 5 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนคาดหวังการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง และนักการเมืองหลายคนก็แสดงเจตจำนง จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่ทำอยู่ในวันนี้ วันนี้เราต้องมีความสงบ สามัคคี ความเสียสละและมีจิตสำนึก ทั้งนี้ การจะไม่ทำอะไรนั้น ไม่ง่ายมากนัก ซึ่งหลายคนอยากจะทำนี่ทำนั่น แต่เมื่อสู่ระบอบประชาธิปไตย ทุกอย่างต้องเดินหน้าด้วยกฎหมาย จึงอยากขอร้องให้ทุกคนช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนในการจัดสรรตำแหน่งด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่เสนอขึ้นมา ตนต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองมา ซึ่งแต่ละพรรคล้วนมีนโยบายดีๆ ก็ต้องยอมรับให้เข้ามาในคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่าคิดว่าเป็นการให้เก้าอี้ อยากให้คิดว่าเราจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีส่วนร่วมใน ครม.

และ ครม.หลังเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ง่ายอย่างเดิมแล้ว ก็ได้เตือนกับพรรคการเมืองหลายอย่างแล้ว ว่าทำไม่ได้แบบเดิมไม่ง่าย เพราะติดกฎหมาย มีคณะตรวจสอบ อยู่ในการจับตาของประชาชน ส่วนการบริหารจัดการรัฐบาลใหม่ จะไม่ยุ่งยากถ้าใช้กฎระเบียบจัดการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องตนจะมีปัญหาในการถูกอภิปรายในสภานั้น ตนยังไม่ได้ทำอะไรเลย การรับมือก็แค่ชี้แจงไป เชื่อว่าชี้แจงได้ ขออย่าใช้คำว่ากลัวหรือไม่ เมื่อยังไม่ได้ ส่วนบุคคลที่เหมาะจะเป็นประธานสภานั้น จะต้องเป็นคนที่รู้เรื่องงานในสภา ไม่ว่าในสภาอะไรก็แล้วแต่

ส่วนที่มีชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน จากพรรคประชาธิปัตย์ ถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภานั้น ส่วนตัวไม่ทราบ ก็คงมีการคุยกันอยู่ ตำแหน่งประธานสภาต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม ถูกต้องตามครรลอง ไม่ใช่ทำตามใจ และขอแสดงความยินดี กับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ด้วย

เมื่อถามว่ารัฐบาลผสมจากหลายพรรค อาจเกิดความไม่พอใจในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยกันทำให้สังคมเรียนรู้ว่า นี่เป็นการจัดตั้งของรัฐบาล เมื่อมาอย่างนี้ก็ต้องไปอย่างนี้ ไม่ใช่ตนทำให้เป็นอย่างนี้ทุกคนให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้ง และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เข้ามาหารือกับตนเลย ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคไปก่อน แต่ท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจ คือนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งนายกฯคนใหม่จะได้ใครก็ยังไม่รู้เลย เพราะยังมีเต็ง 2,3 อยู่ด้วย

เมื่อถามว่า มี 4 กระทรวงคือ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม ไม่สามารถให้พรรคร่วมได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ควรจะอยู่กับฝ่ายความมั่นคงและพรรคหลักหรือไม่ เพื่อดูแลให้เดินหน้าไปได้ ขอย้ำว่าผมไม่หวงผลประโยชน์ ผมไม่เคยมีผลประโยชน์ ส่วนกระทรวงการคลังและคมนาคม เขาคุยกันอยู่ ให้เขาคุยกันก่อน ถ้าผมเป็นนายกฯก็ค่อยมาดูกันอีกที ซึ่งไม่น่าเปลี่ยนแปลง ถ้าคุยกันได้อย่างที่ผมว่า แต่ละพรรคขออย่ากังวล เพราะผมให้เกียรติทุกพรรค เพราะตอนมีหลักการที่จะต้องดูสัดส่วนความเหมาะสมของพรรคร่วม ทั้งคะแนนการเลือกตั้งก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำมาพิจารณาด้วย ส่วนใครจะเหมาะสมตรงไหน ก็ค่อยว่ากันอีกที เราจะเดินหน้าไปแบบนี้ แม้คะแนนใกล้เคียงกัน ก็ขอให้บ้านเมืองไปได้ก่อนจะได้ไหม”

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดถึงอยาก ก็โอเค อยาก เพราะไว้ใจกันมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วย ว่าจะรับแค่ไหนอย่างไร รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย ผมเป็นห่วงกังวลตรงนี้”

ถามว่า ได้ชวน พล.อ.ประวิตร มาร่วมงานแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องชวน ถึงเวลาก็คุยกัน ส่วนจะมีแนวโน้มที่ พล.อ.ประวิตร จะมาช่วยงานหรือไม่นั้น ผมยังไม่ทราบ พล.อ.ประวิตร ก็ตอบสื่อแล้วว่าไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งส่วนตัว ยังไม่ได้ถามท่าน รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมาช่วยงานหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่าน เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียว”

เมื่อถามว่าจะบริหารจัดการอย่างไรกับพรรคร่วมที่มีกว่า 20 พรรค พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพูดคุยร่วมมือกัน ไม่ว่าจะ 30 หรือ 50 พรรค ก็ช่างมันเถอะ เราต้องดูว่าทุกคนทำจริงอย่างที่กล่าวว่าทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ แล้วจะทำได้จริงหรือไม่นั้น ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แล้ววันหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้ วันหน้าจะเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ ส่วนตัวถ้าไม่เป็นก็กลับบ้านนอน แล้วทุกคนจะคิดถึงตน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่อยากให้คำว่าต่อรองตำแหน่งกัน เพราะเป็นหารือกันถึงความเหมาะสมกับตำแหน่ง ทั้งนี้ ตนไม่ได้พูดคุยกับพรรคอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ การเมืองในวันข้าวหน้า คิดว่าไม่จำเป็นต้องปรับตัว เมื่อทำงานกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องพูดคุยกันให้มากขึ้น ให้เกียรติคนที่เคยทำงานมาก่อน

ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลผสมจะมีอายุไม่ยืนนั้น คิดว่า ไม่ยืดก็ไม่ยืด ก็แล้วแต่ว่าเราจะทำให้ยืดหรือไม่ แต่ต้องให้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้าง ต้องยอมรับกติกาประชาธิปไตย ที่ผ่านมาเราปฏิรูปมากมาย ใช่ว่าไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนต้องปรับอีก เช่น การพูดให้ช้าลง ทำหน้างอให้น้อยลง เป็นต้น

เมื่อถามว่าถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง จะเดินแอ่นอกได้มากกว่าเดิม พร้อมลบปมที่มาจากรัฐประหารได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมถือว่าไม่มีปม ใครจะคิดอย่างไรก็คิดไปเพราะผมไม่มีปม ที่เข้ามาก็เพราะด้วยความจำเป็นทางการเมือง แต่วันนี้ไม่ว่าจะเข้ามาอย่างไร ก็มีความเป็นตัวของตัวเอง วันหน้าการตรวจสอบมีอีกมากยิ่งขึ้นด้วย ยืนยันว่าไม่ต้องการผลประโยชน์และชื่อเสียงใดๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่ทราบว่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปเพื่อเดินหน้าเรื่องกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีก อย่างไรก็ตาม วันนี้เรื่องกัญชาได้เดินหน้าไปมาก แต่ทุกอย่างไม่สามารถเดินหน้าไปอย่างง่ายดายนัก จึงอยากคิดว่าได้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปแล้ว จะทำได้ทุกอย่าง เพราะต้องมาหารือกันใน ครม.

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนของไทยในระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายน เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร แม้มีรัฐบาลใหม่แล้ว การประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมการเพื่อนำไปสู่การประชุมในเดือนพฤศจิกายน ที่จะมีคู่เจรจาประเทศมหาอำนาจจำนวนมากเข้าร่วม ขออย่ากังวล เพราะการทำงานไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ส่วน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ยังอยู่ แม้จะมีการตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว ก็ยังสามารถช่วยงานได้ด้วยวิธีการอื่น และอาจมีการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนพิเศษรัฐบาล สถานะเทียบเท่ารัฐมนตรี เนื่องจากรู้งานในภาพรวมทั้งหมด ส่วนใครจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ต้องหารือร่วมกัน

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ให้พรรคร่วมมาเสริมทีมเศรษฐกิจ ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายกฯกล่าวว่า โอเคก็ช่วยได้ ช่วยได้หลายอย่าง เป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ที่ปรึกษา หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีก็ได้มีตำแหน่งเยอะ ประธานกรรมาธิการก็มี ถ้าทุกคนมุ่งแต่จะเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีก็มีตำแหน่งเดียว ช่วงนี้ก็ว่ากันไปก่อนและทำให้ขึ้นให้ได้ เพื่อเกิดความต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงตรงไหนก็ว่าไป

เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่พรรคร่วมที่จะเข้ามาจะมาถอนทุน พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า ท่านก็รู้กันอยู่แล้ว และคิดว่านักการเมืองก็รู้กันอยู่แล้ว เท่าที่เจอกันมาตลอด ที่เคยคุยกันบ้างก่อนจะเลือกตั้งก็เคยถามว่า ปัญหาที่เคยมีมาก่อนจะทำอย่างไร เขาก็บอกว่าต้องทำใหม่
แต่วันหน้าการทำใหม่ของเราจะได้เห็นว่าต้องทำอย่างไร อย่าเพิ่งไปล็อกตัวเองกันเลย เมื่อถามว่า รัฐบาลหน้าถ้าได้เป็นนายกฯจะไม่ให้มีการทุจริตอีกใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยืนยันอย่างนี้มาตลอด มันผิดกฎหมายหรือไม่

เมื่อถามว่า มีการปรามาสว่ารัฐบาลหน้าอายุไม่ยาว จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ สื่อและโซเชียลมีเดียขอร้องให้ลด

เรื่องเฮดสปีด ขอร้องคนไทยด้วยกันต้องอยู่ประเทศนี้แยกกันไม่ได้ รวมถึงเรื่องจิตสำนึกที่ต้องช่วยกันสร้าง ซึ่งข่าวลือก็คือข่าวลือ เปิดเจอเห็นตั้งรัฐบาลกันเสร็จเรียบร้อยแล้วยังไม่รู้นายกฯเลย เราต้องสร้างสังคมให้ได้ อะไรที่เป็นความขัดแย้งจะเร่ิมต้นความขัดแย้งใหม่ พอเสียที

เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีมีมาตรา 44 แล้ว จะควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใช้กลไกประชาธิปไตยเต็มที่ ทำได้คือทำได้ ทำไม่ได้คือทำไม่ได้ เอากฎหมายเป็นหลัก กฎหมายที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม สุจริต โปร่งใส ถ้าทุกคนไม่เคารพกฎหมาย ใช้ช่องว่างทางกฎหมายมาสู้กัน มันก็ไปไม่ได้ ก็ทะเลาะกันอีก ส่วนเรื่องการชุมนุมก็มีกฎหมายเพิ่มเติม คือพ.ร.บ.การชุมชนสาธารณะ ที่สำคัญคนมีอำนาจก็ต้องดูว่าชุมนุมได้แค่ไหนอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่นายกฯบอกว่ายังไม่รู้เลย จะได้ใครเป็นนายกฯหมายถึง ไม่มั่นใจว่าจะได้กลับมาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการโหวตเลือกในสภา เมื่อถามว่า ระยะปลอดภัยในการลงมติในสภาเสียงควรมีจำนวนเท่าไหร่ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้หากมีการลาประชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าลาถูกต้องทุกคนมีสิทธิการลา แต่ในวาระสำคัญควรจะอยู่ โดยเฉพาะช่วงจะเป็นประชาธิปไตยควรจะอยู่มีส่วนร่วม

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่การที่ 2 ฝ่ายมีเสียงใกล้เคียงกัน อาจเกิดการต่อรองจากพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่างเขาถ้าเขาไม่รักประเทศชาติก็ปล่อยเขา นี้เป็นความรับผิดชอบของทุกคน ไม่ใช่ตนคนเดียว เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น ตนก็เป็นคนไทย นักการเมืองก็คนไทย แล้วเราจะมาทำลายกันเองทำไมด้วยความคิดเห็นไม่ตรงกันหรือ มันก็ไม่ใช่เอาประเทศชาติมาเป็นเดิมพันเมื่อไหร่ และอยากให้หลังจากนี้ทุกอย่างดีขึ้น


You must be logged in to post a comment Login