วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“พิเชษฐ”ย้ำ11พรรคเล็กหนุน”บิ๊กตู่”แม้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

On May 20, 2019

ที่บ้านพักส่วนตัว ถนนแจ้งวัฒนะซอย 6 นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย แถลงถึงท่าทีและสถานการณ์ทางการเมืองหลังประกาศจุดยืนว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีว่า เหตุผลที่ตัดสินใจนั้นเพราะมองว่าสำคัญที่สุดคือจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ วันนี้ทุกคนมองว่าพรรคเล็กโดยเฉพาะ 11 พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญ เพราะสนับสนุนใครก็มีโอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาล และมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีสูง การตัดสินใจของ 11 พรรคเล็กครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่า โอกาสที พล.อ.ประยุทธ์่ จันทร์โอชา จะเป็นนายกฯ นั้นค่อนข้างชัดเจน แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ต้องเป็น

“วันนี้ประชาชนมองออกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการเมืองมีเพียงแค่ 2 ขั้ว คือขั้วที่เป็นรัฐบาลกับขั้วที่เป็นฝ่ายค้านเท่านั้น การที่บอกว่ามีขั้วที่ 3 นั้น ถ้ามีก็เป็นขั้วที่ล้มรัฐบาลเท่านั้นเอง คนที่ต่อว่าพวกผมก็คือคนที่ต้องการให้พวกผมไปสนับสนุนเขา ทั้งๆ ที่ตอนเลือกตั้งพวกเขาเองก็ไม่เคยเลือกพวกผม เป็นเรื่องแปลกที่แต่ละพรรคพยายามชักชวน 11 พพรรคเล็กให้ไปอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่่ที่ผ่านมาพยายามยื่นร้องต่างๆ เพื่อไม่ให้พวกผมได้เป็นผู้แทนฯ อ้างว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ทั้งที่กติกามันก็มีอยู่แล้ว กลายเป็นว่าพวกผมเป็นคนเลว แต่ถ้าลองว่าพวกผมไปอยู่อีกขั้วก็จะกลายเป็นคนดีทันที แบบนี้มันไม่ถูกต้อง” นายพิเชษฐกล่าว

ผู้สื่อข่าวถาม ว่า 11 พรรคเล็กควรจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายพิเชษฐ์กล่าวว่า เราไม่เอามาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาต่อรอง แต่จะเอานโยบายของแต่ละพรรคเพื่อให้ได้มีโอกาสนำไปสนองต่อประชาชน โดยเฉพาะตนนั้นจะเน้นเรื่องของการฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย ส่วนรัฐบาลควรให้โควต้ารัฐมนตรีกับพรรคไหนใน 11 พรรคเล็กนั้น นายพิเชษฐกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดถึง แต่เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐคงไม่ต้องการให้เกิดการแตกแยก จึงให้หัวหน้าของแต่ละพรรคเสนอความสามารถของแต่ละคนออกมา ซึ่งตรงนี้ตนมองว่าแฟร ์เพราะถ้าหากบอกให้ใครเป็นรัฐมนตรีคงแตกกันหมดแล้ว วันนี้จึงต้องการเพียงแค่ให้เอานโยบายของพวกตนไปดำเนินการเท่านั้นเอง

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งในเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีใน 11 พรรคเล็กนั้น นายพิเชษฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ยิน คงต้องแล้วแต่รัฐบาลว่าจะพิจารณาว่าใน 11 คนนั้น ใครที่มีความเหมาะสม ส่วนการเลือกประธานสภาฯ 11 พรรคเล็กจะลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่นั้น นายพิเชษฐกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อเราอยู่กับรัฐบาลเรื่องการแหกโผนั้นคงไม่มี วันนี้เราต้องการให้มีรัฐบาลโดยเร็วเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและการลงทุนจากต่างประเทศกลับคืนมา คำว่าสืบทอดอำนาจนั้นเป็นเพียงแค่วาทกรรมที่ใช้ทำร้ายกันและกัน แต่สิ่งที่ตนทำนั้นก็เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

นายพิเชษฐ ยังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ว่า ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับทุกอย่างที่นายมงคลกิตติ์ทำ แต่บางเรื่องที่ทำนั้นตนก็เห็นด้วย ซึ่งจุดเด่นที่เห็นคือ เขาจะมุ่งมั่นในเรื่องของการปราบปรามการทุจริตมาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลของเขาเอง แต่ถ้าหากว่าอะไรที่จะกระทบกับ 11 พรรคเล็กนั้นก็คงต้องมีการตักเตือนกัน และสุดท้ายเขาเองที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เขาเคยพูดเอาไว้ด้วยตัวเอง วันนี้เขายังอายุน้อย ก็คงต้องให้เขาได้เรียนรู้ไป


You must be logged in to post a comment Login