วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“มนตรี”ลั่น23พ.ค.ชัดเจนปิดดีล”ปชป.-ภท.”

On May 22, 2019

นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ภาพที่มีนายอนุทิน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายมนตรี ร่วมรับประทานอาหาร ลงในเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ จะมีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย หลังจากที่นายอนุทินโพสต์ภาพการรับประทานอาหารร่วมกับนายเฉลิมชัยและตน พร้อมระบุชัดเจนว่ากำลังทำงานอยู่ ซึ่งการพบกันดังกล่าวเนื่องจากตนสนิทสนมส่วนตัวกับนายอนุทินมาก่อน จึงได้ประสานงานนัดพบกับนายอนุทิน เมื่อการเจรจากันระหว่างนายอนุทินกับนายเฉลิมชัยออกมาอย่างไรก็ถือว่าจบ แกนนำทั้ง 2 พรรคจะจับมือเดินไปด้วยกัน และรวมเสียง ส.ส. กันแล้วได้ 103 เสียง จากนี้เราจะนำข้อสรุปที่ได้ไปเจรจาในส่วนอื่นๆต่อไป

โดยเบื้องต้นพรรคประชาธิปัตย์สนใจดูแลงานกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และกระทรวงมหาดไทยซึ่งมีแนวโน้มที่จะวางตัวให้นายเฉลิมชัยเป็นรัฐมนตรี ส่วนพรรคภูมิใจไทยสนใจกำกับดูแลงานกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสานต่อนโยบายเรื่องกัญชา รวมถึงสนใจงานกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อต่อยอดงานด้านกีฬาและส่งเสริมจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว

นายมนตรีกล่าวอีกว่า ในเมื่อเจรจากันขนาดนี้ถือว่าเลยคำว่าร่วมหรือไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว เพราะเรามองการเมืองในภาพรวม คือการทำให้ประเทศไปต่อได้ หลังจากตนและนายเฉลิมชัยหารือกับนายอนุทินแล้วมีข้อสรุปเพื่อนำไปเจรจาต่อรองในส่วนอื่นอีกครั้ง ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำงานร่วมกัน ถ้าไปอยู่ร่วมกับฝ่ายใดก็จะไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากทราบรายละเอียดการพูดคุยดังกล่าวขอให้ถามนายเฉลิมชัยและนายอนุทิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพบกันดังกล่าวได้พูดคุยกันถึงกรณีที่ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐเสนอโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีมาให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์พรรคละ 7 ตำแหน่ง อยู่ที่สูตร 3 กระทรวงหลักเกรดเอ 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) หรืออาจเป็น 3 กระทรวงหลักบวก 1 รองนายกฯ และ 3  รมช. นอกจากกระทรวงหลักที่ทั้ง 2 พรรคระบุไปนั้น ไม่ได้ระบุขอตำแหน่ง รมช. แต่ถ้าข้อเสนอร่วมดังกล่าวของทั้ง 2 พรรคไม่ได้รับการตอบสนอง อาจพิจารณาเป็นขั้วที่ 3 โดยได้ประสานงานกับพรรคชาติไทยพัฒนาที่มี ส.ส. 10 เสียง และพรรคชาติพัฒนา 3 เสียง รวม ส.ส. 4 พรรค เป็น 116 เสียง เพราะเห็นว่าพรรคหลักทั้ง 2 ขั้วมีจุดยืนที่ต่างกันมาก ไม่ว่าขั้วใดตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ หรืออาจเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่จะมีปัญหาในการบริหารราชการ ในที่สุดจะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลและอาจเป็นรัฐบาลที่อายุสั้น


You must be logged in to post a comment Login