- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
กบข.จับมือสถาบันรายใหญ่ไม่ลงทุนในหุ้นปั่น-หุ้นอินไซด์
นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ กบข. จะมีการลงนามร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรายใหญ่ 7 แห่ง บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ 3-4 แห่ง และกองทุนประกันสังคม เพื่อร่วมกันจัดทำ Negative List Guideline หรือเกณฑ์ไม่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีปัญหาการปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น (อินไซด์) รวมทั้งบริษัทไม่ผ่านเกณฑ์เรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (ESG) ซึ่งหมายถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล เป็นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน
เพราะ กบข. และนักลงทุนสถาบันต้องการสร้างมาตรฐานในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน หากนักลงทุนสถาบันร่วมมือกันไม่ลงทุนในบริษัทที่มีปัญหาเหล่านี้จะเกิดผลในทางปฏิบัติได้ โดยเกณฑ์ดังกล่าวใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต ไม่นับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว กบข. อยากให้นักลงทุนสถาบันรายอื่นๆเข้าร่วมเกณฑ์นี้ด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายดึงธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมในเฟส 2 ต่อไป กบข. คาดว่าตั้งแต่ต้นปี 2563 กบข. จะลงทุนในหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ ESG ทั้ง 100%
“กบข. กำลังร่วมมือกับนักลงทุนสถาบันรายใหญ่กำหนดเกณฑ์ไม่ลงทุนในหุ้นที่มีปัญหาปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลภายใน หรือผิดเกณฑ์ ESG ในอนาคต โดยจะไม่ซื้อหุ้นเป็นระยะเวลาหนึ่งประมาณ 3-6 เดือน และเมื่อครบกำหนดแล้วก็จะกลับมาลงทุนดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งเกณฑ์นี้จะไม่รวมกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จะเริ่มใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต”
ส่วนสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่รุนแรงขึ้นนั้น นายวิทัยกล่าวว่า ยังคาดเดาทิศทางได้ยาก กบข. ยังต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่ง กบข. ได้ลดสัดส่วนการลงทุนหุ้นต่างประเทศเหลือร้อยละ 20 จากต้นปีที่อยู่ร้อยละ 22 ลดสัดส่วนตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ในขณะที่หุ้นไทยยังลงทุนในสัดส่วนเท่าเดิมที่ร้อยละ 7 เนื่องจากหุ้นไทยยังมีศักยภาพ ความเสี่ยงขาลงของหุ้นไทยมีจำกัด แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าบ้าง แต่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงไม่มาก ซึ่ง กบข. ยังมั่นใจว่าผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 5-6 โดย 4 เดือนที่ผ่านมาผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 3 ปัจจุบันสินทรัพย์การลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ 900,000 ล้านบาท
ส่วนการยกระดับการบริการหลังจากที่ กบข. ได้ปรับรูปแบบการให้บริการผ่าน My GPF เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีสมาชิกใช้บริการ 400,000 ครั้ง และรับสิทธิสวัสดิการ 40,000 ครั้ง พร้อมทั้งเปิดศูนย์ข้อมูลการเงินเป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแบบส่วนตัว โดยสมาชิกจะได้รับข้อมูลและคำแนะนำที่ตรงความสนใจ อาทิ การวางแผนเกษียณ การลดหย่อนภาษี การจัดการหนี้ การเริ่มต้นลงทุน เป็นต้น ผ่านช่องทางหลากหลาย ตั้งเป้าสมาชิกเข้าใช้งาน 500,000 ครั้งภายในปีนี้
You must be logged in to post a comment Login