วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“ธนาธร”ไม่เห็นด้วยมติศาลรธน.ลั่นเดินหน้าตั้งรัฐบาล-เป็นนายกฯ

On May 23, 2019

จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 รับพิจารณาคุณสมบัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และมีมติ 8:1 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ของนายธนาธรกรณีถือหุ้นสื่อ ตามมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) ของรัฐธรรมนูญ 2560 นั้น

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธรแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับมติของศาลรัฐธรรมนูญตามข้อกฎหมายที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงไปแล้ว และขอตั้งข้อสังเกตถึงการยื่นคำร้องของ กกต. ไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า ทำไมยังมีหนังสือเรียกพยานเพิ่ม ลงวันที่ 17 พฤษภาคม เพื่อไปให้การเพิ่มเติมในวันที่ 24 พฤษภาคม จากคณะกรรมการสืบสวนชุดเล็กที่ยังดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงอยู่ คำถามคือ เหตุใด กกต. 7 ท่านจึงส่งคำร้องให้ศาลพิจารณาโดยไม่รอให้คณะกรรมการชุดเล็กพิจารณาหาความเป็นจริงให้เสร็จก่อน

นายธนาธรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กกต. ก็เคยเรียกนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ของตน ไปตอบข้อร้องเรียนนี้ โดยจดหมายมาถึงเมื่อวันที่ 22 เมษายนตอนบ่าย ให้ไปให้ปากคำวันที่ 22 เมษายนตอนเช้า ซึ่งไม่มีใครทำได้ หลังจากนั้นวันที่ 23 เมษายน กกต. ก็แจ้งข้อกล่าวหาตนทันที โดยที่ฝ่ายตนผู้ถูกร้องไม่ได้มีโอกาสชี้แจง ความเร่งรีบนี้ยิ่งผิดปรกติเมื่อเทียบกับกรณีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ใช้เวลา 417 วันนับจาก กกต. จนถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่กรณีของตนใช้เวลา 53 วันเท่านั้น ต่างกันเกือบ 1 ปี

นายธนาธรกล่าวว่า ทุกคนคิดว่าตนได้รับความเป็นธรรมจากกรณีนี้หรือไม่ ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรอิสระหรือไม่ มีความพยายามผลักดันเรื่องนี้เร็วกว่าปรกติหรือไม่ ขอให้ประชาชนมาร่วมช่วยกันตรวจสอบองค์กรอิสระ ตอนนี้ตนและพรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันอย่างแน่วแน่ต่อไปว่า จะรวบรวมเสียงพรรคการเมืองที่ต่อต้านเผด็จการเพื่อผลักดันให้นายธนาธรเป็นนายกฯอย่างไม่หยุดยั้ง นายธนาธรยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ พร้อมเป็นนายกฯ มีศักดิ์และสิทธิที่จะเป็นนายกฯ

“ผมอยากลองชวนทุกคนให้ยืนเงียบๆนิ่งๆเงี่ยหูฟัง พวกเราได้ยินเสียงคร่ำครวญ เสียงความไม่พอใจของผู้คนข้างนอกหรือไม่ คสช. วันนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง คสช. และเผด็จการคืออาทิตย์ที่กำลังอัสดง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามสืบทอดอำนาจด้วยการดึง ส.ส. จากพรรคอื่น หรือสกัดผมไม่ให้เข้าสภาก็ดี นี่แสดงถึงความสิ้นหวังของเผด็จการ เป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของระบอบเผด็จการ พวกเขาต้องการให้วันนี้เป็นเมื่อวานเพื่อจะได้เสวยสุขบนความทุกข์ของประชนต่อเนื่องไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาคือความมืด พวกเราคือแสงสว่าง อนาคตใหม่ขออาสาเปิดประตูสู่รุ่งอรุณของวันพรุ่งนี้ นายธนาธรขอเป็นนายกฯเพื่อหยุดยั้งระบอบ คสช. เพื่อหยุดยั้งระบอบเผด็จการ”

นายธนาธรกล่าวต่อว่า ทุกคนอาจสิ้นหวัง หมดหวังเมื่อได้ยินคำวินิจฉัยของศาล แต่ตนอยากเรียนผู้สนับสนุนอนาคตใหม่ว่า นี่ไม่ใช่เวลาของความสิ้นหวัง นี่คือเวลาเปิดโปงความชั่วร้ายของเผด็จการจากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น ตนขอชวนพี่น้องลุกขึ้นยืนและต่อสู้ร่วมกันเพื่อร่วมสร้างสังคมแห่งความเป็นธรรม ตนและ ส.ส. อีก 79 คนยังไม่หมดหวัง แม้ศาลจะตัดสินให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนยังเป็น ส.ส. อยู่ ระหว่างรอการวินิจฉัยของศาลตนจะทำงานกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่ให้ตนเข้าสภา ตนก็จะอยู่กับประชาชน ในฐานะบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน 6.3 ล้านเสียงทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวของนายธนาธร มี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่กว่า 40 คน และประชาชนที่รับทราบข่าว มาร่วมรับฟังรวมกว่า 100 คน ปรบมือให้กำลังใจ ชูสามนิ้ว พร้อมตะโกน “ธนาธรสู้ๆ” ดังกึกก้องนานนับนาที โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างฮึกเหิม แต่ละคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม พูดคุยกันตามปรกติ ไม่มี ส.ส. คนใดแสดงท่าทีหวั่นไหวต่อมติศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา


You must be logged in to post a comment Login