วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ยังไม่สะเด็ดน้ำ

On May 28, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 28 พ.ค. 62)

การเจรจาตั้งรัฐบาลบริหารประเทศของพรรคพลังประชารัฐแม้จะรู้แล้วว่ามีพรรคไหนเข้าร่วมบ้าง มีเสียงสนับสนุนกี่เสียง แต่การต่อรองยังไม่สะเด็ดน้ำ จับสังเกตได้จากท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาที่อ้างว่าพรรคยังไม่มีมติเข้าร่วมรัฐบาลทั้งที่ก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคประกาศเลือกข้างไปแล้ว การแสดงท่าทีแบบนี้แม้จะมองได้หลายมุม แต่ที่ชัดที่สุดน่าจะเป็นมุมที่ว่าอะไรที่เคยพูดกันไว้อาจไม่เป็นไปตามข้อตกลง เลยต้องออกมาฮึดฮัดหน่อยว่าแม้จะอยากเป็นรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านแต่ไม่ใช่โยนอะไรมาก็งับหมด

กติกาพิสดารกำลังจะแสดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้งหลังทราบผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ ที่ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ชนะคู่แข่งอย่างท่วมท้นได้75,891 คะแนน

ที่ว่ากติกาพิสดารกำลังจะแสดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้งก็เพราะผลการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.เขตเพิ่ม 1 คนคือ น.ส.ศรีนวล แต่พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้อานิสงส์ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มพรรคละ 1 คน ขณะที่หัวหน้าพรรคไทยรักธรรมที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองให้เป็น ส.ส. ไปแล้ว และได้ทำหน้าที่ร่วมโหวตเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว จะถูกถอดสิทธิการเป็น ส.ส. เพราะผลคะแนนเลือกตั้งที่เขต 8 เชียงใหม่ ทำให้ฐานคะแนนรวม ส.ส.พึงมีสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ กกต. ยังไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่สื่อทุกสำนักรายงานไปในทิศทางเดียวกัน เท่ากับว่าฝ่ายสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส. เพิ่มมาอีก 1 เสียงในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนของพรรคตัวเองที่ได้เพิ่มมาหักกลบลบหนี้กับ 1 เสียงที่หายไปของหัวหน้าพรรคไทยรักธรรมถือว่าเจ๊า

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นอีก 1 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลที่เจรจากันไว้ก่อนหน้านี้เปลี่ยนแปลงไป เพราะเมื่อมี ส.ส. เพิ่มน้ำเสียงในการต่อรองก็จะเข้มข้นขึ้น

สังเกตได้จากการแสดงท่าทีฮึดฮัดของนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ออกมาระบุว่าพรรคยังไม่ได้มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แถมพูดด้วยว่าสถานการณ์ตอนนี้การทำงานอย่างอิสระในสภาโดยไม่เลือกข้างใดถือว่าน่าสนใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ประกาศชัดเจนว่าเลือกอยู่ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ และได้แสดงการสนับสนุนไปแล้วในการโหวตเลือกประธานและรองประธานสภา

ท่าทีที่พรรคชาติไทยพัฒนาแสดงออกมานั้นมองได้ 2 อย่าง

หนึ่งคือการเจรจาแบ่งโควตาในรัฐบาลยังไม่ลงตัว ทั้งที่พรรคชาติไทยพัฒนาน่าจะเป็นพรรคที่เจรจาด้วยง่ายที่สุด เพราะพรรคมีอุดมการณ์ชัดเจนว่าอยากเป็นรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้าน ไม่เรื่องมาก ไม่งอแง และรักษาสัจจะ

แต่ที่ต้องออกอาการงอแงอาจเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย อะไรที่เคยคุยกันไว้ เคยตกลงกันไว้อาจถูกปรับเปลี่ยน เลยต้องแสดงออกให้รู้ว่าต้องการให้คนที่มาดีลกันไว้รักษาสัจจะ ซึ่งอาการที่แสดงออกมาก็คาดเดาไม่ยากว่าเกิดจากอะไรที่อีกฝ่ายเคยรับปากไว้จะถูกตัดทอนให้เหลือน้อยลง หรือลดระดับความสำคัญลง เพราะหากได้มากขึ้น ใหญ่ขึ้น ใครจะงอแง

สองคือพรรคชาติไทยพัฒนาอาจเห็นว่ารัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำหาความมั่นคงยาก และกระแสสังคมส่วนใหญ่ดูเหมือนไม่ค่อยยอมรับ โดยเฉพาะการตระบัดสัตย์ของหลายพรรคที่ลืมคำพูดตัวเองตอนหาเสียงมาเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน หากร่วมขบวนเป็นรัฐบาลอาจโดนหางเลขความไม่พอใจจนทำให้ได้รับการสนับสนุนน้อยลงในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ประเมินกันว่าคงเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากฐานเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนาแล้วประเด็นที่สองมีน้ำหนักค่อนข้างน้อย เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ใช่พรรคที่ได้คะแนนนิยมตามกระแส แต่ได้คะแนนจากฐานคะแนนจัดตั้งของพรรคซึ่งตายตัวแน่นอน

ดังนั้น อาการงอแงที่แสดงออกมาน่าจะให้น้ำหนักไปที่ประเด็นแรกมากกว่า


You must be logged in to post a comment Login