“ธนาธร”แสตนด์บายรอที่สภาพร้อมเปิดประตูรับ”ปชป.-ภท.”เสมอ

On June 4, 2019

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของประเทศไทยในการชี้ทิศทางของประเทศว่าจะเดินไปในทิศทางใด จะอยู่กับระบอบ คสช. หรือจะเลือกนำประเทศไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง ทั้งนี้ ส.ส. จากพรรคอนาคตใหม่จะเสนอชื่อตนเป็นนายกรัฐมนตรี ตนขอใช้โอกาสนี้กราบเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ”

“ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณพรรคเพื่อไทย พรรคที่ได้รับเสียงจากประชาชนทำให้มีจำนวน ส.ส. มากที่สุด แสดงสปิริตที่น่ายกย่อง ไม่ผูกมัดกับผลประโยชน์ ซึ่งนี่เป็นการแสดงออกทางการเมืองที่น่านับถือ ผมขอขอบคุณ ส.ส.เพื่อไทยทุกท่านที่ให้โอกาสเรา รวมทั้งพรรคการเมือง และ ส.ส. ที่ร่วมลงนามสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ทั้ง 7 พรรค ผมซาบซึ้งใจและจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด”

นายธนาธรกล่าวต่อว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ถึงตนจะได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่สายเกินไปที่ทั้ง 2 พรรคจะตัดสินใจให้ถูกต้องและเลือกเดินไปกับประชาชน หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. นี่คือวินาทีประวัติศาสตร์ที่ชี้ขาดอนาคตของประเทศ ทั้ง 2 พรรคจะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

“ผมอยากเชิญชวนทั้ง 2 พรรคให้ตัดสินใจแบบที่ตนเองได้หาเสียงและสัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน เราพร้อมทำงานกับทั้ง 2 พรรค พร้อมยืดหยุ่นในการพูดคุยต่อรอง เพราะเราเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศคือการนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย ซึ่งก้าวแรกที่จะทำแบบนั้นได้คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.”

นายธนาธรกล่าวต่อว่า ตนมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าการสืบทอดระบอบ คสช. หรือระบอบรัฐประหารจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนร่วมมือกันยืนหยัด พวกเขาจะสืบทอดอำนาจไม่ได้ เหตุผลที่ทำให้เขาสืบทอดอำนาจได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะมีนักการเมืองหรือ ส.ส. ยอมเป็นเครื่องมือหรือเป็นนั่งร้านให้ฝ่ายสืบทอดอำนาจ

“ผมฝากเรียนพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ว่ามาทำงานร่วมกัน มาหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ด้วยกันในวันประวัติศาสตร์ ซึ่งผมพร้อมจะแสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกรัฐสภา ผมเชื่อว่าสมาชิกสภาและพี่น้องประชาชนมีทั้งสิทธิและความชอบธรรมที่จะได้รับฟังผู้ที่เสนอตัวเองเป็นนายกฯว่าคนที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯคนต่อไปมีวิสัยทัศน์อย่างไร หากสภามีมติอนุมัติ ผมจะรออยู่ที่สภา ไม่ว่าคุณประยุทธ์จะมาหรือไม่ก็ตามที อย่าให้ใครมาหลอกว่าเลือกนายกฯแล้วจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ปัญหาเศรษฐกิจแก้ไม่ได้ภายใต้เผด็จการ การเมืองที่ดีจะนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ดี”

เมื่อถามว่าบทบาทของ ส.ว. ในการโหวตควรเป็นอย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า เราสู้มานานในการให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง แต่รัฐธรรมนูญปี 2560 ทำให้ ส.ว. มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด เท่ากับประชาชนถูกขโมยสิทธิไป ดังนั้น ขอเรียกร้องให้สิทธินั้นกลับคืนมา และยืนยันว่านายกฯต้องมาจากเสียงของประชาชน ขอให้ ส.ว. คำนึงถึงสิทธิและเสียง รวมถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมด้วย

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าหลังจากที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯแล้วจะถูกอำนาจพิเศษทางการเมืองเข้าแทรกแซง นายธนาธรกล่าวว่า ไม่กังวล และมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง รวมถึงพร้อมชี้แจงทุกคดีและข้อร้องเรียน นอกจากนั้นยังพร้อมให้มีการอภิปรายเรื่องคุณสมบัติของตนในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ และขอยืนยันว่าคดีของตนเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ไม่ใช่คุณสมบัติของการเป็นแคนดิเดตนายกฯ

Featured