วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“ปิยบุตร”ยื่นประธานสภาส่งศาลรธน.วินิจฉัย30ส.ส.ถือหุ้นสื่อ

On June 5, 2019

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อม ส.ส. ของพรรค 78 คน ร่วมลงชื่อยื่นคำร้องถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส. เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน สรุปสาระสำคัญดังนี้

ข้าพเจ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ดังมีรายชื่อท้ายหนังสือนี้ ขอเข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นความเป็น ส.ส. สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เนื่องจาก ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อันขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2562 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2562 รายละเอียดปรากฏตามเอกสารที่ส่งมาด้วย (1) ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สกลนคร ได้ยื่นคำร้องคัดค้านกรณีที่นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สกลนคร พรรคอนาคตใหม่ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ และออกหนังสือพิมพ์ นายภูเบศวร์จึงเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆขณะสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สกลนคร ด้วยเหตุนี้นายภูเบศวร์จึงขาดคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็น ส.ส. ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ศาลฎีกาได้พิพากษาว่า นายภูเบศวร์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์และออกหนังสือพิมพ์ นายภูเบศวร์จึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (3) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) โดยวัตถุประสงค์ของ หจก.มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส ที่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุตามข้อ 32 ว่าประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือพิมพ์ จำหน่ายและออกหนังสือพิมพ์ และข้อ 43 ว่า “ประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ รับจัดทำสื่อโฆษณา สปอตโฆษณา เผยแพร่ข้อมูล”

ข้อ 2. ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2562 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2562 นายคมสันต์ ศรีวนิชย์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ ได้ยื่นคำร้องกรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.อ่างทอง ไม่ประกาศรายชื่อนายคมสันต์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อ้างว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือจำหน่าย และออกหนังสือพิมพ์ ขณะสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.อ่างทอง ด้วยเหตุนี้นายคมสันต์จึงขาดคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็น ส.ส. ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561

ศาลฎีกาได้พิพากษาว่า นายคมสันต์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ที.เอ็ม.อินเตอร์เนชั่นแนล อิมพอร์ท เอ็กซ์พอร์ท จำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ จำหน่ายและออกหนังสือพิมพ์ จึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (3) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) โดยวัตถุประสงค์ของบริษัท ที.เอ็ม.อินเตอร์เนชั่นแนล อิมพอร์ท เอ็กซ์พอร์ท จำกัด ที่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุตามข้อ 13 ว่าประกอบกิจการค้ากระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์การเรียน เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร และเครื่องใช้สำนักงานทุกชนิดŽ และข้อ 19 ว่า “ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่าย และออกหนังสือพิมพ์”

ข้อ 3. ตามหนังสือที่ ลต (ลบ) 00003/กก.สส.1 ลงวันที่ 5 เมษายน 2562 ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ลพบุรี ได้สั่งรับเป็นเรื่องคัดค้านกรณีที่นายพิชัย เกียรติวินัยกุล ได้ยื่นคำร้องว่าการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ลพบุรี มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เนื่องจากนายประทวน สุทธิอำนวยเดช ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ลพบุรี หมายเลข 4 พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท น้ำตาลไทยเจริญทรัพย์ จำกัด ซึ่งมีกิจการและ/หรือวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดขณะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดลพบุรี อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 98 (3) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) นั้น นายพิชัย เกียรติวินัยกุล ได้ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือลงวันที่ 30 มีนาคม 2562 ว่า บริษัท น้ำตาลไทยเจริญทรัพย์ จำกัด ได้จดทะเบียนวัตถุประสงค์ตามข้อ 17 ว่า ประกอบกิจการค้ากระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์การถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสารและเครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว

ข้อ 4. ดังนั้น เมื่อพิจารณากรณีของนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สกลนคร กรณีนายคมสันต์ ศรีวนิชย์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.อ่างทอง และกรณีนายประทวน สุทธิอำนวยเดช ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ลพบุรี ซึ่งได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 แล้ว จึงเป็นแนวบรรทัดฐานในการพิจารณาว่า การที่ ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆนั้น ให้พิจารณาจากการที่ ส.ส. นั้นเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการที่ได้จดทะเบียนวัตถุประสงค์ที่ระบุถึงกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เช่น กรณีของนายภูเบศวร์ เห็นหลอด เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุตามข้อ 32 ว่า ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือพิมพ์ จำหน่ายและออกหนังสือพิมพ์ และข้อ 43 ว่า ประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ รับจัดทำสื่อโฆษณา สปอตโฆษณา เผยแพร่ข้อมูล

หรือกรณีของนายคมสันต์ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ที.เอ็ม.อินเตอร์เนชั่นแนล อิมพอร์ท เอ็กซ์พอร์ท จำกัด มีวัตถุประสงค์ที่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุตามข้อ 13 ว่า ประกอบกิจการค้ากระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์การเรียน เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร และเครื่องใช้สำนักงานทุกชนิด และข้อ 19 ว่า ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่าย และออกหนังสือพิมพ์ หรือกรณีของนายประทวน เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท น้ำตาลไทยเจริญทรัพย์ จำกัด มีวัตถุประสงค์ที่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุตามข้อ 17 ว่า ประกอบกิจการค้ากระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์การถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสารและเครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้หาก ส.ส. คนใดเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการที่มีวัตถุประสงค์ที่จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในลักษณะดังกล่าว ย่อมทำให้ ส.ส. คนนั้นมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) ด้วย

ข้อ 5. จากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่ามี ส.ส. อีกจำนวนหนึ่งที่เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) โดยมีรายชื่อและข้อมูลที่ชัดเจนดังต่อไปนี้

(เอกสารระบุชื่อ ส.ส. 30 คน ในจำนวนนี้เป็น ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ 27 คน และระบุรายละเอียดการถือหุ้นสื่อของ ส.ส. ทั้ง 30 คน พร้อมสรุปว่า จากพยานหลักฐานดังกล่าวแสดงว่า ส.ส. ที่มีชื่อดังกล่าวเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) ที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพอาจสิ้นสุดลงได้จากกรณีเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ)

ข้อ 6. ตามข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 10/2562 วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม 2562 รายละเอียดปรากฏตามเอกสารที่ส่งมาด้วย (5) ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์มีคำสั่งรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณี กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) และมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (ผู้ถูกร้อง) หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุเหตุผลไว้ในคำสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ปรากฏตามข่าวศาลรัฐธรรมนูญว่า ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่านายธนาธรมีกรณีตามที่ถูกร้อง ประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายธนาธรอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ ดังนั้น กรณีของนายธนาธรจึงเป็นแนวทางให้เห็นว่า ส.ส. รายอื่นที่ต้องด้วยกรณีดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อ 7. จึงกราบเรียนมายังประธานสภาผู้แทนราษฎรได้โปรดพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพของ ส.ส. ตามรายชื่อข้างต้นต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณี ส.ส. ดังกล่าวเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ โดยเร็วที่สุด และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ ส.ส. ทุกคนตามรายละเอียดข้างต้นหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยด้วย ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 82 วรรคสอง ด้วยเหตุที่ถ้าผู้ถูกร้องยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. ต่อไป การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกร้องอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้ง เป็นอุุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี การที่ผู้ถูกร้องยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ย่อมเกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นแน่แท้ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่


You must be logged in to post a comment Login