วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ผู้ไม่รู้หนังสือ แต่รู้อนาคต

On June 6, 2019

คอลัมน์ สันติธรรม
ผู้ไม่รู้หนังสือ แต่รู้อนาคต
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 7-14 มิถุนายน 2562)

ไม่มีใครที่เรียนประวัติศาสตร์โลกแล้วไม่รู้จักอาณาจักรโรมันไบแซนตินและอาณาจักรเปอร์เซีย สองมหาอาณาจักรนี้เคยยิ่งใหญ่ในอดีตนานนับพันปีและต่างทำสงครามสู้รบกันเพื่อแย่งชิงดินแดนยุทธศาสตร์ที่เรียกว่าชาม ซึ่งเป็นแคว้นที่ประกอบด้วยซีเรีย ปาเลสไตน์ จอร์แดน และเลบานอน

เนื่องจากแคว้นชามเป็นชุมชนทางการค้าของชาวอาหรับ การต่อสู้กันของ 2 มหาอาณาจักรจึงเป็นเหมือนมวยคู่เอกสำหรับชาวอาหรับที่เชียร์อาณาจักรเปอร์เซียเพราะความเชื่อที่คล้ายๆกัน ในเวลานั้นอาณาจักรเปอร์เซียนับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์ที่บูชาไฟ ชาวอาหรับบูชารูปปั้น

ส่วนอาณาจักรไบแซนตินนับถือศาสนาคริสต์ที่ห้ามเคารพรูปปั้น ชาวอาหรับจึงไม่ชอบความเชื่อของชาวไบแซนติน
bizantine
ค.ศ. 610 ซึ่งเป็นปีที่นบีมุฮัมมัดเริ่มปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลาม 2 มหาอาณาจักรเริ่มเตรียมกำลังประจันหน้ากัน

ค.ศ. 614 กองทัพอาณาจักรเปอร์เซียสามารถยึดเมืองเยรูซาเล็มได้ และสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้แก่โลกคริสเตียน เพราะเยรูซาเล็มเป็นเมืองสำคัญทางศาสนาของชาวคริสเตียนและชาวยิว ชาวคริสเตียนเกือบแสนคนถูกฆ่า แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลาย ไม้กางเขนดั้งเดิมซึ่งชาวคริสเตียนเชื่อว่าเป็นไม้กางเขนที่ตรึงพระเยซูถูกยึดและย้ายไปที่อื่น โบสถ์สำคัญหลายแห่งในเมืองถูกทำลาย

ชัยชนะครั้งนั้นทำให้คุสโร ปาร์เวซ จักรพรรดิเปอร์เซีย เกิดความลำพองใจจนถึงขนาดเขียนจดหมายไปถึงเฮราคลิอุส แม่ทัพฝีมือดีที่จักรพรรดิโรมันในกรุงคอนสแตนติโนเปิลส่งมาปกครองแคว้นชาม ด้วยสำนวนที่เย้ยหยันดูถูก จดหมายมีใจความดังนี้

“จากคุสโร ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งบรรดาเทพเจ้าทั้งหมด ผู้เป็นนายของโลกทั้งหมด ถึงเฮราคลิอุส บ่าวผู้ย่อยยับและโง่ที่สุด ท่านกล่าวว่าท่านไว้วางใจในพระเจ้าของท่าน แล้วทำไมพระเจ้าของท่านจึงไม่รักษาเมืองเยรูซาเล็มไว้ให้พ้นจากฉัน”

เมื่ออาณาจักรเปอร์เซียยึดครองเมืองเยรูซาเล็มไว้ได้ ชาวอาหรับที่เคารพบูชารูปปั้นต่างพากันดีใจ แต่ก่อนการรบขั้นเด็ดขาดของอาณาจักรเปอร์เซียจะเกิดขึ้น นบีมุฮัมมัดผู้ไม่รู้หนังสือได้นำข้อความในคัมภีร์กุรอานมาประกาศในเมืองมักก๊ะฮฺว่า :

พวกโรมันได้ถูกพิชิตแล้วในแผ่นดินใกล้ๆ แต่หลังจากความพ่ายแพ้ อีกไม่นานพวกเขาจะได้รับชัยชนะภายในเวลาไม่กี่ปี”

เมื่อได้ยินข้อความดังกล่าว ชาวอาหรับที่ดีใจกับชัยชนะของอาณาจักรเปอร์เซียต่างพากันหัวเราะเยาะมุสลิม เพราะแสนยานุภาพทางทหารของอาณาจักรเปอร์เซียในเวลานั้นไม่เปิดโอกาสให้ใครคิดเช่นนั้นได้ ดังนั้น ชาวอาหรับที่เคารพบูชารูปปั้นจึงท้าพนันสาวกของนบีมุฮัมมัดว่าเป็นไปไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้วนบีมุฮัมมัดจึงบอกสาวกของท่านให้เพิ่มเงินเดิมพันเข้าไปอีก

ใน ค.ศ. 624 อาณาจักรไบแซนตินสามารถเอาชนะอาณาจักรเปอร์เซียและยึดเมืองเยรูซาเล็มกลับคืนมาได้ ในการพิชิตครั้งนี้วิหารบูชาไฟของอาณาจักรเปอร์เซียได้ถูกทำลายลง และในปีเดียวกันนี้เองมุสลิมได้สร้างความปราชัยให้แก่ชาวมักก๊ะฮฺที่บุกมาโจมตีเมืองมะดีนะฮฺในสมรภูมิบะดัรฺ

หลังจากนั้นใน ค.ศ. 628 ขณะที่สองมหาอำนาจต่างเลียแผลสงครามกันอยู่ นบีมุฮัมมัดได้ลงนามทำสัญญาสันติภาพ 10 ปีกับชาวเมืองมักก๊ะฮฺ ในช่วงเวลาสงบศึกนี้เองนบีมุฮัมมัดได้ให้คนนำจดหมายเชิญชวนเฮราคลีอุส จักรพรรดิไบแซนติน และคุสโร ปาร์เวซ จักรพรรดิเปอร์เซีย มาสู่อิสลาม

เฮราคลีอุสอ่านจดหมายเชิญชวนของนบีมุฮัมมัดและมีแนวโน้มที่จะตอบรับ แต่พวกขุนนางและขุนศึกแสดงความไม่พอใจ เขาจึงต้องเก็บความรู้สึกไว้ ส่วนคุสโร ปาร์เวซ อ่านจดหมายของนบีมุฮัมมัดแล้วได้แสดงความโอหังออกมาเหมือนกับที่เขาแสดงกับเฮราคลีอุส เขาฉีกจดหมายของนบีมุฮัมมัดทิ้ง

เมื่อคนนำจดหมายกลับมารายงานให้นบีมุฮัมมัดฟัง นบีมุฮัมมัดจึงกล่าวคำทำนายล่วงหน้าไว้ว่าอีกไม่นานอาณาจักรเปอร์เซียจะถูกฉีก

แม้นบีมุฮัมมัดได้จากโลกนี้ไปใน ค.ศ. 632 แต่คำพูดล่วงหน้าของท่านได้เป็นจริงตามนั้น เพราะอาณาจักรเปอร์เซียเกิดความแตกแยกภายในและถูกมุสลิมพิชิตได้ใน ค.ศ. 651


You must be logged in to post a comment Login