วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ศึกใหญ่ในสภา

On June 11, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 11 มิ.ย.62)

ถึงวันนี้จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่เสียง ส.ส. ที่รวมกันจัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่นิ่ง 100% เมื่อพิจารณาจากจำนวน ส.ส. ที่มีอยู่ตอนนี้ ต่อให้มีเต็ม 254 เสียง การทำงานในสภายังเป็นเรื่องยาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องลงมติในวาระหรือญัตติสำคัญ แค่รักษาองค์ประชุมให้ครบทำงานได้ยังเป็นเรื่องยาก ขนาดในยุครัฐบาล “อภิสิทธิ์” มี ส.ส. เกินครึ่งถึง 40 เสียง การประชุมสภายังล่มแล้วล่มอีกจนเป็นสถิติที่น่าละอาย แล้วรัฐบาล “ลุงตู่” ที่มีเสียงปริ่มน้ำสุดๆจะมีสภาพเป็นอย่างไรคงนึกออก

สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล “ลุงตู่” ภาคสอง ไม่ว่าเบื้องหน้าจะมีคำอธิบายว่าอย่างไร แต่เบื้องหลังฟัดกันฝุ่นตลบ ไม่เพียงแต่ฟัดข้ามฝูง ในฝูงเดียวกันก็ยังฟัดกันเอง

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเชื่อว่ารัฐบาล “ลุงตู่” ภาคสอง จะสามารถตั้งลำได้และเริ่มเดินเครื่องเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน

แต่การทำงานอาจไม่ราบเรียบนัก เครื่องอาจจะรวนบ้าง สะดุดบ้างเป็นระยะๆ หากอยากให้เครื่องเดินเรียบ สตาร์ตติดง่ายก็ต้องหยอดน้ำมันกันหนักๆหน่อย โดยเฉพาะเวลามีวาระสำคัญที่ต้องใช้เสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎร

ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลนี้มีเสียง ส.ส. สนับสนุนแค่ 254 เสียง หักประธานและรองประธานสภาที่ต้องรักษามารยาททางการเมืองไม่ร่วมลงมติทุกวาระเพื่อแสดงความเป็นกลาง ก็จะเหลือเสียง ส.ส. สนับสนุน 251 เสียง เกินครึ่งหนึ่งมาแค่เสียงเดียว

ยังต้องลุ้นจุดยืนของนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ที่เป็น ส.ส. หนึ่งเดียวที่งดออกเสียงสนับสนุน “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีว่าการประชุมแต่ละวาระ แต่ละญัตติ จะตัดสินใจอย่างไร

ตามหลักการหากไม่สนับสนุน “ลุงตู่” เป็นนายกฯ ก็ต้องไม่สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลด้วย เพราะถ้าไม่ยกมือให้ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ แล้วมายกมือสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในสภา แสดงว่าไม่ใช่คนจริง

การงดออกเสียงไม่เลือก “ลุงตู่” เป็นนายกฯจะกลายเป็นแค่ลิเก เพราะรู้อยู่แล้วว่าการงดออกเสียงไม่มีความหมาย เพราะถึงอย่างไร “ลุงตู่” ก็ชนะโหวตเป็นนายกฯใสๆ เพราะมีเสียง ส.ว. 250 เสียงคอยซัพพอร์ตอยู่

ถ้าไม่สนับสนุน “ลุงตู่” จริงต้องแสดงออกกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากต้องรอลุ้นการโหวตของนายสิริพงศ์ทุกวาระ ทุกญัตติ รัฐบาลก็จะเหลือเสียง ส.ส. ครึ่งหนึ่งพอดีคือ 250 เสียง

เมื่อรวมเข้ากับการงอแงของพรรคเล็กที่ต้องการเก้าอี้รัฐมนตรี แม้ทั้ง 10 พรรคจะไม่เป็นเอกภาพ แต่หากขาดนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กับนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย ที่ยืนยันว่าต้องมีโควตารัฐมนตรีให้พรรคเล็ก หากไม่ได้พร้อมเป็นฝ่ายค้านอิสระ ก็เท่ากับว่าเสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภาจะต่ำกว่าครึ่งทันที

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการลงมติ เอาแค่รักษาองค์ประชุมให้ครบพอที่สภาจะทำงานได้ก็เป็นเรื่องยากหากพรรคฝ่ายค้านใช้เรื่ององค์ประชุมมาเดินเกมการเมือง

เรื่องนี้มีบทเรียนให้เห็นมาแล้ว

ย้อนไปไม่ต้องไกล ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี พ.ศ. 2553 พรรคร่วมรัฐบาลมี ส.ส. 278 คน จากจำนวน ส.ส. ที่คงเหลืออยู่ในสภาทั้งหมด 475 คน (รัฐธรรมนูญกำหนดให้มี ส.ส. ทั้งหมด 500 คน) ซึ่งถือว่าไม่น่ามีปัญหาเรื่ององค์ประชุม เพราะฝ่ายรัฐบาลมีเสียงสนับสนุนในสภามากกว่าครึ่งหนึ่งคือ 238 เสียงถึง 40 คน แต่การประชุมสภาก็ล่มบ่อยจนเป็นสถิติ เพราะ ส.ส. เข้าประชุมไม่ถึงครึ่ง

แล้วรัฐบาล “ลุงตู่” จะต้องเจอสภาพอย่างไร ต่อให้เสียงสนับสนุนนิ่งที่ 254 เสียง การทำให้องค์ประชุมครบก็เป็นเรื่องยาก

แบ่งเค้กเก้าอี้รัฐมนตรีให้พรรคร่วมรัฐบาลว่ายากแล้ว การทำงานในสภายิ่งยากกว่าหลายเท่า


You must be logged in to post a comment Login