วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไม่มีอะไรให้คาดหวัง

On June 12, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 12 มิ.ย.62)

คำแถลงแรกของ “ลุงตู่” หลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกฯรอบสองไม่ได้ใช้วาทกรรมหวือหวา แต่ก็ไม่ได้สร้างความคาดหวังให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องที่ประกาศว่าจะเปิดกว้างรับฟังความเห็น แก้ความเหลื่อมล้ำ แก้ทุจริต และที่ต้องขีดเส้นใต้ตัวโตๆคือเรื่องการสร้างความรัก ความสามัคคีปรองดอง เพราะตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า “ทำไม่ได้” และมองไม่เห็นแนวโน้มว่าจะ “ทำได้”

“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ทำให้ประเทศไทยได้นายกฯใหม่หน้าเดิมบริหารประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยจะมีนายกฯคนใหม่แล้ว แต่อำนาจมาตรา 44 ที่ “ลุงตู่” ถืออยู่ในมือในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังมีอยู่ต่อไป จะหยิบมาใช้เมื่อไรก็ได้จนกว่ารัฐบาลชุดใหม่จะแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภา

ที่ประหลาดไปกว่านั้นคือ แม้จะมีนายกฯใหม่ตามกฎหมายแล้ว แต่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันยังไม่พ้นจากการทำหน้าที่ นายกฯใหม่ คณะรัฐมนตรีเก่า จะทำหน้าที่ร่วมกันต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ

ถือเป็นกติกาที่พิลึกกึกกือที่สุดในโลกตั้งแต่เคยเห็นมา ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดเก่าโดยมีนายกฯใหม่เป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี เลยไม่รู้ว่ามติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาในช่วงนี้ออกมาในนามรัฐบาลทหาร คสช. หรือรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ

ตามปกติในทางการเมือง เมื่อมีการประกาศยุบสภาและมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรีที่มีอยู่ตอนนั้นแม้จะยังไม่พ้นจากตำแหน่ง แต่ตามมารยาทจะต้องยุติการทำหน้าที่ ไม่มีการประชุมใดๆยกเว้นเกิดกรณีสำคัญจำเป็นเท่านั้น

แต่คณะรัฐบาลทหาร คสช. ทำหน้าที่กันตามปกติ ประชุมกันทุกวันอังคาร แม้จะมีการเลือกตั้งแล้วก็ยังประชุม แม้จะเปิดประชุมรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งแล้วก็ยังประชุม แม้จะมีนายกฯคนใหม่แล้วก็จะยังประชุมกันต่อไป โดยยกเรื่องความต่อเนื่องในการทำงานมาเป็นข้ออ้าง

ย้อนไปดูคำแถลงครั้งแรกของ “ลุงตู่” ที่พูดหลังได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกฯต่อไปอีกหนึ่งสมัย คำแถลงไม่ได้ใช้วาทกรรมหวือหวา สรุปใจความสำคัญได้ว่า

จะทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยพร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกช่วงวัย เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็ง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ จะใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และคีย์เวิร์ดสำคัญคือ

“สร้างสรรค์สังคมให้มีความรัก ความสามัคคีปรองดอง สมานฉันท์เกื้อกูลกันในทุกโอกาส เพื่อความกินดีอยู่ดีและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน”

ถ้าดูจากคำแถลงกับการทำงานกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนคงไม่ตั้งความหวังอะไรกับรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะเรื่องเปิดกว้างรับฟังความเห็น แก้ความเหลื่อมล้ำ แก้ทุจริต และที่ต้องขีดเส้นใต้ตัวโตๆคือเรื่องการสร้างความรัก ความสามัคคีปรองดอง


You must be logged in to post a comment Login