วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เครือข่ายเยาวชน จี้ผู้ว่าฯเมืองชลเร่งปิดผับดัง ตามคำสั่งคสช.

On June 17, 2019

วันนี้ (17มิถุนายน) นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวถึงกรณีศูนย์อำนวยการประสานกำกับติดตามการปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558(ศอ.กต.) โดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน  ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำกำลังจับกุมสถานบันเทิง 2 แห่ง คือ “Dome Party & Music”อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และ “เวก้า สัตหีบ” อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่า เปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ และมีการมั่วสุมเสพยาเสพติดภาย โดย ในร้าน Dome Party พบนักเที่ยวกว่า 600 คน เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการมากถึง 150 คน โดยอายุต่ำสุดเพียง 14 ปีเท่านั้น อีกทั้งยังพบอาวุธปืน และยาเสพติดจำนวนมาก

นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ทราบมาว่าล่าสุดมีข่าวว่านายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีคำสั่งจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 1248/2562 ลงวันที่ 15 มิ.ย. 62 สั่งปิดสถานบริการ “โดม” และห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการในที่ตั้งดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี และ พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 148/2562 ลงวันที่ 15 มิถุนายน2562 ให้ข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ประกอบด้วย พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย รอง ผกก.ป .สภ.เมืองฉะเชิงเทรา และ พ.ต.ท.ศิริพงษ์ เศรษฐ์ศิริโชค รอง ผกก.สส. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยขาดจากต้นสังกัดเดิมมีกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ 15 มิ.ย.62 เป็นต้นไป ซึ่งตามขั้นตอนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จะต้องสั่งปิดร้านนี้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2558 เช่นเดียวกับจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ทราบว่าล่าสุดจังหวัดชลบุรียังไม่มีการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ เครือข่ายฯขอเรียกร้องต่อกระทรวงมหาดไทย ผ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอให้ท่านดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ สั่งปิดร้านเวก้า สัตหีบ และกฎหมายอีกหลายกระทง รวมถึงร้านบราซิล และร้าน 90 บาร์ พัทยา อ.บางละมุง ที่มีการตรวจจับไปก่อนหน้านี้ และพบว่าทั้งสองร้านมีนักท่องเที่ยวฉี่สีม่วงรวมกันมากถึง 155 คน เปิดเกินเวลาที่กำหนด ปล่อยให้เด็กเข้าใช้บริการ ฯลฯ

“เครือข่ายเราขับเคลื่อนเรื่องปัญหาร้านเหล้ารอบสถานศึกษามามากกว่า8 ปี มีข้อเสนอกับแทบทุกรัฐบาล  และผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนมากกว่า 5 ครั้งพบว่า กว่าร้อยละ 80-90สนับสนุนมาตรการนี้ ซึ่งนโยบายควบคุมสถานบริการตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/58 ถือว่ามีความเข็มแข็งและก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีบทกำหนดโทษที่รุนแรงและชัดเจนกับร้านที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ในขณะที่หน่วยงานส่วนกลางอย่าง ศอ.กต. และกรมการปกครอง เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ก็อยากจะให้หน่วยงานในพื้นที่ทั้งตำรวจ ทหาร จนท.สาธารณสุข โดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานอย่างเอาจริงเอาจังด้วย อย่าให้เป็นที่ครหาว่าเกรงกลัวต่ออิทธิพลนักการเมืองและหรือกลุ่มนักธุรกิจสีเทาดำพวกนี้ โดยหากร้านไหนตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิด ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องสั่งปิดร้านเหล่านั้นโดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้เครือข่ายฯขอเป็นกำลังใจให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน โดยเครือข่ายฯจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากพบว่าไม่มีการดำเนินการใดๆก็มีความจำเป็นที่จะต้องไปร้องเรียนเรื่องนี้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำหนดนโยบายนี้ต่อไป” นายธีรภัทร์ กล่าว

ด้านนายชูวิทย์  จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า กรณีร้านเหล้าผับบาร์ ทำผิดกฎหมายเป็นเรื่องที่เอือมระอาของทุกฝ่าย  และแทบไม่มีใครกล้าจัดการจริงจัง จนกระทั่งมีกฎหมายจัดการเรื่องโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ในปี 58 ในปัจจุบันเราพบว่าร้านเหล้าจำนวนหนึ่งที่ปรับตัว  ยอมทำตามกฎหมาย  แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่มักจะอ้างนักการเมือง  ผู้มีอิทธิพล ผู้มากบารมีสารพัดสี  หาช่องมอมเมาแสวงหากำไรกับเด็กและเยาวชนซึ่งจะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ  และเราจะได้ยินข่าวมาตลอดว่าหลายพื้นที่  ที่ผู้มีอำนาจไม่กล้าสั่งปิด  หรือยื้อระยะเวลาออกไป  ด้วยอิทธิพลของบ้านใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเพื่อลูกหลานอ่อนแอลงไปมาก รวมไปถึงข่าวคำสั่งเด้ง โยกย้ายนายตำรวจในพื้นที่ออกไปในหลายๆครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นแทบไม่มีใครทราบเลยว่าเด้งแล้วไปไหน   มีผลการสอบออกมาอย่างไร  รวมถึงคนเหล่านั้นยังคงมีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รับผลประโยชน์ในพื้นที่ที่ถูกโยกย้ายไปอีกหรือไม่

“เร็วๆนี้เครือข่ายจะนำปัญหาร้านเหล้าที่ทำผิดกฎหมายจนกระทั่งมีคำสั่งปิดกิจการ  เข้าร้องเรียนกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  ให้ตรวจสอบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ  ในพื้นที่ที่ถูกคำสั่งปิด ว่ามีผู้ใดเข้าข่ายทำความผิดและเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่” นายชูวิทย์ กล่าว

 


You must be logged in to post a comment Login