วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ศาลปค.สั่งเพิกถอนมติกสทช.ให้ถอนใบอนุญาต”พีซทีวี”

On June 21, 2019

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 1163/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 716/2562 ระหว่างบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ที่ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และสำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3

กรณีผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้ออกอากาศรายการมองไกลทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี ช่องรายการพีซ ทีวี เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2558 หลังมีการออกอากาศรายการดังกล่าว คณะทำงานติดตามสื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีหนังสือแจ้งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ว่าเนื้อหารายการดังกล่าวมีลักษณะที่ส่อให้เกิดความสับสน ยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาแล้วมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการพีซ ทีวี ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 และให้บริษัท วีซายน์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติดังกล่าว และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมทั้งมีคำขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

โดยศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในกระบวนการพิจารณาทางปกครองก่อนมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตของผู้ฟ้องคดีที่ 1 นั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2-3 ไม่ได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ทราบถึงคำร้องเรียน และไม่ได้ให้โอกาสผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งในชั้นการรวบรวมข้อเท็จจริงของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ก็ไม่ปรากฏว่าได้มีการแจ้งสิทธิและหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง ตลอดจนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกกล่าวหาและพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ทราบตามความจำเป็น อันจะทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 มีโอกาสโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตน จึงเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง พ.ศ. 2556

นอกจากนี้ข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 3 ที่ว่าการนำเสนอเนื้อหารายการมองไกลส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมภายใต้สถานการณ์ที่รัฐบาลกำลังสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จึงอาจเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะได้นั้น กรณีก็ไม่ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงใดเกิดจากการเสนอรายการดังกล่าวที่เข้าลักษณะมีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือจะกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ อันจะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 30 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ที่ไม่ต้องให้โอกาสคู่กรณีโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน

ดังนั้น จึงเป็นการพิจารณาทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นผลทำให้มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 14/2558 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการพีซ ทีวี ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 และให้บริษัท วีซายน์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สำหรับในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 มีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เมื่อศาลยังมิได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งการกระทำความผิดตามที่ถูกร้องเรียนว่าผู้ฟ้องคดีที่ 1 กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่

ประกอบกับแม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติที่ให้ลงโทษทางปกครองในคดีนี้ แต่ก็ไม่เป็นการตัดอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่จะดำเนินกระบวนการพิจารณาทางปกครองแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการที่กฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้องกำหนด กรณีจึงยังไม่อาจถือว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 กระทำละเมิดให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้รับความเสียหาย และไม่อาจพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้

จึงพิพากษาให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 14/2558 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการพีซ ทีวี ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 และให้บริษัท วีซายน์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่ออกคำสั่ง

ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จะดำเนินการสอบสวนใหม่ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และให้คำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองมีผลต่อไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด


You must be logged in to post a comment Login