- ปีดับคนดังPosted 4 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
ทาสแมว
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 21-28 มิถุนายน 2562 )
นักร้องโอเปร่าชื่อดังเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยงในบ้านกว่า 35 ตัว สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้านจนมีเรื่องมีราวถึงโรงถึงศาล ส่งผลให้เขาตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการย้ายบ้านหนีไปสร้างอาณาจักรแมวแห่งใหม่
อัลเบอร์โต กาสตัน ดี บาสซินี เกิดที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมื่อปี 1847 เป็นบุตรของอคิลลี ดี บาสซินี นักร้องเสียงแบริโทน และริต้า กาบัตติ นักร้องเสียงโซปราโน แถมยังมีจูเซปเป แวร์ดี คีตกวีชื่อดังเป็นพ่ออุปถัมภ์ แต่เดิมนั้นพ่อแม่หมายมั่นปั้นมือตั้งใจให้ลูกชายเป็นทหารเรือ
อยู่มาวันหนึ่งนักร้องคนหนึ่งเกิดป่วยกะทันหันก่อนหน้าเปิดการแสดงที่โรงละครเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองเนเปิลส์ หัวหน้าคณะอุปรากรจึงดึงตัวอัลเบอร์โตไปแทนที่ อัลเบอร์โตโชว์พลังเสียงจนเป็นที่ประจักษ์ว่าเขามีพรสวรรค์ไม่ต่างไปจากพ่อและแม่
นับตั้งแต่นั้นมาอัลเบอร์โตก็ได้เป็นหนึ่งในคณะอุปรากรแสดงถวายต่อหน้าพระพักตร์กษัตริย์หลุยส์ที่ 1 แห่งโปรตุเกส พระองค์ทรงพอพระทัยอัลเบอร์โตเป็นอย่างมาก จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์แต่งตั้งเป็นอัศวิน ซึ่งต่อมาคนนิยมเรียกเขาด้วยตำแหน่งอัศวินมากกว่าเรียกชื่อของเขา
ปี 1878 อัลเบอร์โตแต่งงานกับเอมม่า หญิงสาวชาวอเมริกัน มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อวีร่า ต่อมาในปี 1896 อัลเบอร์โตก็พาครอบครัวมาอาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา เช่าอพาร์ตเมนต์ 3 ชั้น บนถนนสายที่ 91 เปิดเป็นโรงเรียนสอนเปียโนและร้องเพลงให้กับชนชั้นสูง
ไม่ได้หลับได้นอน
เดือนมิถุนายน 1902 เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของอัลเบอร์โต แจ้งว่าได้รับการร้องเรียนว่าในบ้านของเขามีแมวจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 35 ตัว สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้าน เมื่อเข้าไปในเขตบ้านก็พบเอมม่ากำลังให้อาหารแมว 17 ตัวที่สนามหญ้าหลังบ้าน และมีแมวอีก 11 ตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นและห้องครัว
เอมม่าและวีร่าไม่ได้รักแมวเหมือนกับอัลเบอร์โต แต่เมื่อต้องอยู่ด้วยกันก็จำเป็นต้องไปตามน้ำ อัลเบอร์โตถูกเชิญตัวไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจยอร์กวิลล์ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขบอกกับอัลเบอร์โตว่าหากยอมเอาแมวทั้งหมดไปปล่อยเขาจะยอมถอนแจ้งความ
อัลเบอร์โตพยายามสอบถามชื่อผู้ร้องเรียนว่าเป็นใคร แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขไม่ยอมบอก อัลเบอร์โตตอบว่าถ้าอย่างนั้นก็แจ้งความไปเลย เพราะเขาอยากรู้ว่าใครกันที่ร้องเรียน และการเลี้ยงแมวมันผิดกฎหมายตรงไหน
“แม้ผมจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังไม่แก่เกินกว่าจะต่อสู้ ผมอยากเจอหน้าคนไร้หัวใจที่ต่อต้าน ห้ามไม่ให้ผมเลี้ยงดูแมวที่น่าสงสารเหล่านี้” อัลเบอร์โตให้การว่าเขามีแมว 6-7 ตัว ทุกครั้งที่คนขายเนื้อสัตว์เอาของมาส่งก็จะมีแมวจรจัดแอบมาด้อมๆมองๆ พวกมันดูหิวโหย แล้วเขาจะใจจืดใจดำไม่แบ่งปันอาหารให้กับพวกมันได้อย่างไร แมวจรจัดเหล่านี้รู้สึกปลอดภัยและอิ่มท้องจึงไม่ยอมไปไหนอีก
จำใจจาก
อัลเบอร์โตยืนยันกับศาลว่าเขาจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเลี้ยงดูแมวจรจัดและจะยังคงทำต่อไป แต่ถ้าหากศาลตัดสินว่าเขามีความผิดเขาก็จะย้ายบ้านหนีไปอยู่ที่อื่น เมื่อถูกยื่นคำขาดเช่นนี้ อัยการเฟรเดอริก สตีล ผู้ทำหน้าที่โจทก์ตัวแทนผู้ร้องเรียนก็ไม่สบายใจ เพราะอัลเบอร์โตเป็นบุคคลมีชื่อเสียง แถมยังมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงอัศวิน จึงต่อรองกับศาลขอให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปสัก 2-3 สัปดาห์ รอให้อัลเบอร์โตใจเย็นลงก่อน
อัลเบอร์โตรู้สึกหงุดหงิดมากที่ผู้ร้องเรียนไม่ยอมเปิดเผยตัวตน แต่ลึกๆแล้วในใจเขาสงสัยหญิงเพื่อนบ้านคนหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานมีแมวจรจัดตัวหนึ่งนอนป่วยอยู่ที่สนามหญ้าที่บ้านของหญิงคนนี้ เขาจึงมุดรั้วเข้าไปช่วยแมวตัวนั้น เมื่อหญิงเจ้าของบ้านเห็นก็ร้องบอกว่าปล่อยให้แมวมันตายไป อัลเบอร์โตโกรธมากจึงตอบกลับไปว่า “ปล่อยให้คุณตายเหมือนกัน”
ศาลพิพากษาให้อัลเบอร์โตเอาแมวไปปล่อย อัลเบอร์โตจึงลงประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์หาคนใจบุญมารับแมวไปเลี้ยง ปรากฏว่ามีคนมากกว่า 100 คนมาขอรับแมวไปเลี้ยง ทำให้อัลเบอร์โตจำหน่ายแมวทั้งหมดไปได้ภายในวันเดียว ยกเว้นตัวที่อารมณ์ร้ายกับลูกแมวเล็กๆ 2 ตัว อัลเบอร์โตบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “แมวไปหมดแล้ว และผมก็จะไปด้วยเหมือนกัน”
เกินพอดี
หลังจากเกิดเหตุการณ์อัลเบอร์โตย้ายหนีขึ้นเหนือห่างจากที่อยู่เดิมไป 5 ช่วงตึก แต่ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่าเขาย้ายไปเมื่อปีใด อัลเบอร์โตเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยงอีกเหมือนที่เคยทำ เมื่อถึงปี 1908 เขาก็มีแมวทั้งหมด 27 ตัว
วันหนึ่งในเดือนตุลาคม 1908 อัลเบอร์โตเดินไปที่ร้านตัดผมของโทนี่ ซาวาเรโต ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาไปเพียงหนึ่งช่วงตึก พลันก็เห็นลูกแมวสีดำตัวหนึ่งหมกตัวอยู่ในกองเศษผม เขาจึงก้มลงอุ้มลูกแมวขึ้นมาแล้วเปลี่ยนใจไม่ตัดผมเดินกลับบ้านพร้อมลูกแมวทันที
อัลเบอร์โตนำลูกแมวตัวที่ 28 ไปไว้ในห้องใต้ดินรวมกับแมวที่มีอยู่เดิม 27 ตัว วันนั้นนักเรียนร้องเพลงคนหนึ่งกำลังฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวแสดงอุปรากรรอบสำคัญ เจ้าแมว 27 ตัวเห็นสมาชิกใหม่ที่ไม่คุ้นหน้าก็ขู่คำรามส่งเสียงกลบการซ้อมร้องเพลงของนักเรียน อัลเบอร์โตจึงรู้ตัวว่าเขามีแมวมากเกินพอดีเสียแล้ว อัลเบอร์โตตัดสินใจจำกัดจำนวนแมวให้น้อยลง
อัลเบอร์โตโทรศัพท์ไปยังสำนักหนังสือพิมพ์ แจ้งความลงประกาศหาผู้รับอุปถัมภ์แมว คราวนี้มีคนใจบุญรับแมวไปเลี้ยง 17 ตัว ส่วนที่เหลืออัลเบอร์โตก็เลี้ยงเองต่อไป และดูเหมือนว่าเขาจะนำน้องแมวเหล่านี้กลับอิตาลีไปกับเขาในปี 1915 ปล่อยให้เอมม่าและวีร่าอยู่ในเมืองนิวยอร์กตามลำพังสองแม่ลูก
หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของอัลเบอร์โตอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาเสียชีวิตในปีใด เหลือไว้แต่เพียงวีรกรรมการช่วยเหลือแมวจรจัดเมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงนิวยอร์ก
1.อัลเบอร์โต กาสตัน ดี บาสซินี
2.อคิลลี ดี บาสซินี
3.ถนนสายที่ 91 ตัดกับฟิฟท์อเวนิว ย่านคนชั้นสูง
4.โรงนาบนถนนสายที่ 96 ตัดกับเมดิสันเมื่อปี 1891
5.สถานีตำรวจยอร์กวิลล์
6.พาดหัวข่าวอัศวินกับแมวจรจัด
7.วีร่า ดี บาสซินี
8.หนึ่งในแมวของอัลเบอร์โต
9.ประกาศหาคนอุปถัมภ์แมวปี 1908
10.พาดหัวข่าวอัลเบอร์โตกำจัดแมวตามคำสั่งศาลปี 1902
You must be logged in to post a comment Login