วันพฤหัสที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“บิ๊กตู่”ปลุกดีเอ็นเอชาวอาเซียนสร้างภูมิภาคสันติสุข-ก้าวหน้า

On June 23, 2019

ที่ห้องคริสตัล 1-2 ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินีฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 และกล่าวถ้อยแถลงเปิดการประชุม ตอนหนึ่งว่า เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 52 ปีที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ ที่พระราชวังสราญรมย์ ถือเป็นจุดกำเนิดของอาเซียน คงมีน้อยคนที่จะคาดคิดว่า ด้วยความกล้าที่จะฝันในวันนั้น อาเซียนพัฒนาจากสมาคมเล็ก ๆ ของ 5 ชาติสู่ประชาคมที่เหนียวแน่นของ 10 ประเทศ และด้วยความกล้าที่จะฝันจากรุ่นสู่รุ่น เราเติบโตเป็นประชาคมที่เป็นปึกแผ่น มีสันติภาพและมั่นคง มีกฎกติกา เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ของโลก และมีความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกสาขาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอาเซียนทุกคน ในวันนี้พวกเราผู้นำอาเซียนจะร่วมกันประกาศการเปิดตัวโครงการคลังสิ่งของช่วยเหลือและระบบโลจิสติกส์ เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียน (DELSA) ที่จะตั้งขึ้นในจ.ชัยนาท และการยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของอาเซียนในการบริหารจัดการผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พลังของอาเซียนที่เข้มแข็งและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันคือคำตอบที่จะช่วยให้พวกเราก้าวผ่านทุกความท้าทาย และสามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนุชนรุ่นหลังได้ และสิ่งนี้เป็นเหตุผลที่ไทยประกาศแนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ด้วยความฝันที่จะให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต่อยอดจากสิ่งดีๆ ที่อาเซียนได้สร้างกันมาในอดีต และมองไปสู่อนาคตเพื่อความสุขของชนรุ่นหลังที่จะเห็นภูมิภาคที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองต่อไปอย่างยั่งยืน เราฝันที่จะเห็นอาเซียนก้าวไกลให้อาเซียนมองและก้าวไปสู่อนาคตด้วยกันอย่างไม่หยุดนิ่ง มีความยั่งยืนในทุกมิติ คือแนวทางใหม่ที่อาเซียนต้องคำนึงถึงในทุกการตัดสินใจ และจะอยู่ในดีเอ็นเอของอาเซียนที่ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ไทยจะสานต่อข้อริเริ่มของประธานอาเซียนในปีที่ผ่านมา และขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อบรรลุความฝันที่วางไว้และให้ประชาชนของอาเซียนทั้งรุ่นนี้และรุ่นหน้าสามารถรับมือกับความท้าทายและได้ประโยชน์จากอาเซียนใน 3 มิติสำคัญ คือ มั่นคงขึ้น มั่งคั่งขึ้น และยั่งยืนขึ้น โดยเรื่องของมั่นคง เราจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้ดีขึ้น โดยพวกเราจะได้รับประโยชน์จากการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น ที่ประเทศไทย เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ และต้องส่งเสริมการเดินทางสัญจรข้ามพรมแดนของพวกเราให้ปลอดภัยมากขึ้น และท้ายที่สุดคือการมีภูมิคุ้มกันที่จะรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น พวกเราจะได้รับความมั่นใจได้ว่าการตั้งคลังเก็บสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติฯ พร้อมสนับสนุนสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกที่และทุกเมื่อได้อย่างทันท่วงที
 
“วันนี้ถึงเวลาของคนรุ่นนี้ที่จะร่วมขับเคลื่อนความฝันสู่การลงมือทำเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อกว่า 5 ทศวรรษที่แล้ว ที่จะสร้างภูมิภาคแห่งสันติสุขและความก้าวหน้าให้กับประชาชนอาเซียนทุกคน และวางรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงให้คนรุ่นหน้าในอีกครึ่งศตวรรษหลังจากนี้ ประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกประเทศสมาชิก ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และที่สำคัญที่สุดเจ้าของประชาคมอาเซียน คือประชาชนทุกคน ผมจึงขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนชาวอาเซียนทุกท่านปลุกดีเอ็นเอความเป็นอาเซียนในตัว และร่วมแรงร่วมใจ จับมือกันให้เข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้า เพื่อวางรากฐานให้ประชาคมอาเซียนมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคต โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติโดยแท้จริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

จากนั้นผู้นำทั้ง 10 ประเทศอาเซียนได้ร่วมกันเปิดโครงการคลังสิ่งของช่วยเหลือและระบบโลจิสติกส์ เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียน (DELSA) ที่จ.ชัยนาท ภายใต้การกำกับของศูนย์ประสานงานอาเซียนในความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก


You must be logged in to post a comment Login