วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

VMPC ชูธุรกิจ 2 ขาฝ่าวิกฤติ ลุ้นปี 2563 ตลาดอสังหาฯ ฟื้น!

On June 25, 2019

นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด (VMPC) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่า เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรก 2562 อยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซา แม้ว่าทางภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้านภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ด้วยการให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้แก่บุคคลทั่วไปที่ซื้อบ้านหลังแรกสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 200,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน–31 ธันวาคม 2562 ซึ่งมาตรการดังกล่าวเกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเพียงบางกลุ่มเท่านั้น

ในขณะที่การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยด้วยการกำหนดระดับวงเงินสินเชื่อต่อหลักประกัน (LTV) สำหรับการซื้อบ้านสัญญาที่ 2 และ 3 หรือบ้านที่มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทขึ้น เพื่อดูแลเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 นั้น ถือเป็นเป็นมาตรการที่ดีสำหรับประเทศไทย แต่ในแง่ของภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมแล้วคงต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวอีกระยะหนึ่ง และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 คาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่เข้มข้นและมีการตอบโต้กันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 2563 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

“ขณะนี้ปัจจัยที่เป็นปัญหาหลักของตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นเรื่องของ LTV ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่คนในยุคปัจจุบันอยู่ในภาวะ ‘เป็นหนี้เร็ว–เป็นหนี้เยอะ–เป็นหนี้นาน’ เหตุผลที่เป็นหนี้เร็วเพราะพอเรียนจบอายุประมาณ 21–22 ปี เริ่มทำงานก็มีบัตรเครดิตแล้ว บางคนทำบัตรเครดิตพร้อมกันได้ 4–5 ใบ จากนั้นก็จะเข้าสู่ภาวะเป็นหนี้เยอะ เพราะพอผ่านไประยะหนึ่ง หนี้สินก็จะทบต้นทบดอก ย้ายจากบัตรนี้ไปบัตรโน้น กดเงินสดจากบัตรนี้ไปโปะบัตรโน้นก็จะทำให้เป็นหนี้สะสมเพิ่มมากขึ้น และหากไม่มีวินัยทางการเงิน เป็นหนี้ยาวต่อเนื่องเป็นงูกินหาง มีปัญหาด้านการผ่อนชำระ หรือติด Blacklist และหากต้องการขอสินเชื่อซื้อบ้านจากสถาบันการเงินเพราะคนกลุ่มนี้ไม่มีเงินเก็บมากเพียงพอที่จะซื้อบ้านเป็นเงินสดได้ก็จะเกิดปัญหากู้ไม่ผ่าน คนที่อยากมีบ้าน พอติด Blacklist ก็ทำอะไรต่อไม่ได้ ถือเป็นปัญหาที่น่าวิตกในสังคมไทยปัจจุบัน” นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท VMPC ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่าเพื่อการบริหารจัดการและการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน VMPC มีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 60% และอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 40% โดยในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เน้นเจาะตลาดระดับบนหรือกลุ่มไฮเอนด์ โดยแต่ละโครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ติดถนนสายหลัก อาทิ โครงการ “แอสเทรา ไพรด์ พระราม 2” บ้านเดี่ยวขนาด 3 ชั้น ต้นถนนพระราม 2 ติดถนนใหญ่ ราคายูนิตละ 35–50 ล้านบาท  เนื้อที่โครงการประมาณ 12 ไร่  มูลค่าโครงการรวม 1,400 ล้านบาท และโครงการ “แอสเทรา เบลส พระราม 2” ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ติดถนนพระราม 2 กม. 5 ราคายูนิตละ 8.49–9.89 ล้านบาท  พื้นที่โครงการประมาณ 28 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 2,100 ล้านบาท  โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2562 VMPC มียอดขายรอรับรู้รายได้หลังจากการโอน (Backlog) ส่งผลให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าหลากหลาย อาทิ  สาทร แกลเลอรี่ เรสซิเดนซ์, โรงแรมแอสเทรา สาทร, บ้านสวนรามคำแหง และล่าสุดคือ “โอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนท์ ศรีราชา” โรงแรมระดับ 5 ดาว สูง 50 ชั้น บนเนื้อที่ 12 ไร่ ใจกลางอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 ยังคงได้กระแสตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวและผู้ที่ทำงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเป็นโรงแรมที่มีผู้เข้าพักมากที่สุดในศรีราชา ด้วยจุดเด่นในเรื่องการเป็นโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ พร้อมมาตรฐานบริการระดับโลก บนทำเลทอง Top Location ใจกลางเมืองศรีราชาและตั้งอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) โดยอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 15–20 กิโลเมตร

“ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าของ VMPC มีผลประกอบการสูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโอ๊ควู๊ดฯ ศรีราชา ที่มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลที่เหมาะสมมากๆ ที่สำคัญคือ เป็นพื้นที่ๆ มีความปลอดภัย หรือที่เรียกว่า Safe Zone  ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายที่จะเลือกพักที่โอ๊ควู๊ดฯ ศรีราชา ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งแอสเทรา ไพรด์ และแอสเทรา เบลส ที่แม้ว่ายอดขายชะลอตามภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ VMPC มี Backlog รอโอนอยู่ในระดับที่มากพอสมควร ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่ VMPC โฟกัสธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบ 2 ขา คือ ทั้งเพื่อขายและให้เช่า ซึ่งช่วยซัพพอร์ตในด้านการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี” นายปริญญา กล่าวในตอนท้าย


You must be logged in to post a comment Login