วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ลอยคอได้ต่อไป

On June 28, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 28 มิ.ย.62)

ปัญหาเรื่อง ส.ส. ขาดคุณสมบัติเพราะถือหุ้นสื่อที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาบางส่วน ไม่รับบางส่วน และจะยื่นเรื่องฟ้องให้พิจารณาเพิ่มเติมอีกในอนาคตนั้น หากดูตามคำสั่งศาลที่ให้เหตุผลประกอบกรณีไม่สั่งให้ ส.ส. หยุดปฏิบัติหน้าที่แม้จะรับเรื่องไว้ชี้ขาด พอจะมองเห็นอนาคตของรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำว่าน่าจะยังลอยคออยู่ในสายธารอำนาจได้ต่อไป คงไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่อง ส.ส. ถือหุ้นสื่อ

ถ้านับวันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญขีดเส้นไว้ อีกไม่เกิน 45-60 วันจากนี้น่าจะรู้ผลคำตัดสินปัญหาคุณสมบัติ ส.ส. จากการถือหุ้นสื่อล็อตแรก 32 คน ที่ศาลมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและให้เวลาชี้แจงภายใน 30 วัน

ก่อนที่จะรู้ชะตาของ 32 ส.ส. ก็จะรู้ชะตาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก่อน ซึ่งจะครบกำหนดที่ต้องยื่นคำชี้แจงในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้

ส่วนจะตัดสินได้เมื่อไรอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล หากเห็นว่าพยานหลักฐานในมือยังไม่เพียงพออาจเปิดไต่สวนเพิ่มเติม หรือหากเห็นว่าเพียงพอที่จะตัดสินได้แล้วก็สามารถนัดวันอ่านคำตัดสินได้เลย

แน่นอนว่ากรณีของนายธนาธรที่จะรู้ผลก่อนกรณีของ 32 ส.ส. จะเป็นบรรทัดฐานของคำตัดสินด้วย

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่ศาลจะเปิดการไต่สวนกรณี 32 ส.ส. ก่อนชี้ขาด เพราะยังไม่มีการสอบสวนมาก่อน ต่างจากกรณีของนายธนาธรที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบสวนและมีมติก่อนส่งถึงศาลแล้ว

หากดูตามเหตุผลของศาลที่รับเรื่อง 32 ส.ส. ไว้พิจารณาแต่ไม่ได้สั่งให้หยุดทำหน้าที่ชั่วคราวเหมือนกรณีนายธนาธรที่ว่าเป็นเพราะ กกต. ยื่นคำร้องโดยมีเอกสารประกอบคำร้อง เช่น แบบ สสช.1 สินค้าหรือบริการที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ แบบประกอบกับแบบนำส่งงบการเงิน ที่บริษัทของนายธนาธรยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าปี 2554-2558 ระบุชัดเจนว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร การบริการโฆษณา จึงเป็นเหตุให้ควรสงสัยมีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงต้องสั่งหยุดทำหน้าที่ชั่วคราว ก็คงจะพอมองเห็นว่าศาลให้น้ำหนักกับการดำเนินธุรกิจจริงมากกว่าวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัทที่ยื่นไปตามแบบฟอร์มของทางราชการ

ประเด็นของนายธนาธร น้ำหนักจึงอยู่ที่โอนหุ้นทั้งหมดให้ผู้อื่นก่อนวันยื่นสมัคร ส.ส. หรือไม่ เพราะประเด็นเรื่องทำสื่อจริงหรือไม่จริงน่าจะจบไปแล้ว

ถ้าศาลเชื่อในพยานหลักฐานที่นำไปแสดงว่าโอนหุ้นทั้งหมดออกไปก่อนวันสมัครรับเลือกตั้งก็รอด

ถ้าศาลไม่เชื่อพยานหลักฐานที่นำไปแสดงก็ร่วง

เมื่อน้ำหนักการพิจารณาอยู่ที่ข้อเท็จจริง หาก 32 ส.ส. ที่ถูกร้อง หรือ ส.ส. อีกหลายคนที่จะถูกร้องในเรื่องเดียวกันนี้ในอนาคตยื่นงบการเงินของบริษัทที่ไม่มีรายรับจากการขายสื่อ รายรับจากการขายโฆษณา ก็มีโอกาสที่จะรอดมากกว่าร่วง

ส่วนคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่มีมาก่อนหน้านี้ถือเป็นคนละส่วนกัน ไม่ถือเป็นบรรทัดฐาน เพราะไม่มีผลผูกพันองค์กรอื่น

ต่างจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะถือเป็นบรรทัดฐาน เพราะมีผลผูกพันต่อทุกองค์กรตามกฎหมาย

เมื่อแนวโน้มเป็นอย่างนี้ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำก็ยังลอยคออยู่ในสายธารอำนาจได้ต่อไป ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่อง ส.ส. ถือหุ้นสื่อ


You must be logged in to post a comment Login