- ปีดับคนดังPosted 10 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
ทำอย่างไร! เมื่อลูกป่วยเป็นไข้
คอลัมน์ : พบหมอศิริราช
ผู้เขียน : ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฏสุนทร
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 5 – 12 กรกฎาคม 2562 )
สถานที่รับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนที่มีเด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ผู้ปกครองต้องระวังบุตรหลานให้ดี หากมีไข้อาจเกิดจากโรคไข้หวัดใหญ่หรือไข้เลือดออก มีวิธีสังเกตอาการมาฝากค่ะ
อาการของไข้หวัด ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ติดต่อกันทางน้ำมูก น้ำลาย จากการไอ จาม หากอยู่ในที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เด็กๆจะมีโอกาสติดหวัดได้ง่ายขึ้น แต่ไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะของโรค ซึ่งลักษณะอาการจะแยกได้ดังนี้
เริ่มที่อาการของไข้หวัด อาจมีไข้ต่ำๆ มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล ส่วนมากในช่วงแรกจะเป็นน้ำมูกใสๆ ถ้าเป็นหลายวันสีจะข้นขึ้น มีอาการคัดจมูก หายใจไม่ออก เบื่ออาหาร ในเด็กเล็กมีอาการกวนมากกว่าปกติได้
ไข้หวัดโดยทั่วๆไปอาการจะไม่รุนแรงและหายได้เอง ถ้าเป็นในเด็กที่แข็งแรงดี ไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร ก็สามารถดูแลในเบื้องต้นได้ แต่ถ้าในกรณีเด็กเล็กมากหรือมีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรมาพบแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาตามความเหมาะสม
ส่วนไข้หวัดใหญ่มักจะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เด็กจะค่อนข้างซม ดูไม่สบาย ขณะที่เด็กเป็นไข้หวัดธรรมดาอาจกวนบ้างแต่ยังเล่นได้
แต่ถ้ามีไข้สูง เมื่อรับประทานยาลดไข้แล้วไข้ก็ไม่ลด มีอาการหน้าแดง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ อาจมีปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน และมีจุดเลือดออกหลังจากมีไข้ 3-4 วัน จะเป็นอาการของไข้เลือดออก ซึ่งต้องพามาพบแพทย์เพื่อเจาะเลือด ตรวจวินิจฉัย และให้น้ำเกลือเพื่อรักษาต่อไปค่ะ
สำหรับการดูแลในเบื้องต้น ถ้ามีไข้ต่ำๆให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา และถ้ายังมีไข้สูงควรให้ยาลดไข้ขนาด 10 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง และดื่มน้ำอุ่นมากๆ หากมีเสมหะให้ดื่มน้ำมะนาวผสมเกลือและน้ำผึ้ง เพื่อช่วยขับเสมหะและช่วยลดอาการไอได้
ในกรณีที่ดูแลเบื้องต้นแล้วยังมีน้ำมูกและมีอาการแน่นจมูกให้รับประทานยาแก้หวัด เมื่ออาการดีขึ้นก็ให้หยุดยาได้ แต่ต้องระวังและดูว่าจะมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่ โดยทั่วไปอาการไข้จะหายภายใน 3-4 วัน
เพื่อป้องกันไม่ให้บุตรหลานป่วยเป็นไข้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด เพราะอาจมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ทำให้ติดหวัดได้ง่ายขึ้น รวมถึงระวังยุงลายกัด ซึ่งเป็นพาหะของไข้เลือดออก
You must be logged in to post a comment Login