- อย่าไปอินPosted 13 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
นายกฯ นักประดิษฐ์ เผยเป็นข่าวดี ‘สุวิทย์’ เป็น รมต. อุดมศึกษาฯ
นายกฯ นักประดิษฐ์ เผยเป็นข่าวดี ‘สุวิทย์’ เป็น รมต. อุดมศึกษาฯ ชี้เป็นเหมือน ‘หมอตำแย’ ทำคลอดกระทรวง สามารถขับเคลื่อนงานได้ไม่สะดุด แนะอย่าหลงทางเอาแต่สร้างงานวิจัยอย่างเดียว ควรส่งเสริมเป็นงานประดิษฐ์เพื่อเชิงพาณิชย์ด้วย
นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่า ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในการสร้างงานนวัตกรรม เพราะนายสุวิทย์ ถือเป็นผู้ที่มีแนวคิดและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการก่อตั้งกระทรวงดังกล่าวตั้งแต่ต้น
“ตามเหตุผล 4 ข้อ ที่ทางท่านสุวิทย์ อธิบายว่าใน การตั้งกระทรวงดังกล่าว เพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 .เตรียมผู้ประกอบการสู่ศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ตอัพ และเอสเอ็มอี เตรียมเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ และประเทศไทยกำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งต้องพัฒนาทั้งกำลังคนและเทคโนโลยี รวมทั้ง หน่วยงานวิจัยของประเทศก็กระจัดกระจายและซ้ำซ้อน ดังนั้น รัฐบาลต้องการจัดองคาพยพใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้น การที่ได้คนที่มีบทบาทตั้งแต่ต้นเปรียบเสมือน ‘หมอตำแย’ ทำคลอดกระทรวงนี้ มาเป็นเจ้ากระทรวง ถือเป็นเรื่องดีเพราะจะทำให้การขับเคลื่อนในเรื่องสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของไทย ไม่เกิดการสะดุดตามการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร และสามารถผลักดัน 4 เหตุผลข้างต้นได้ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม ” นายภณวัชร์นันท์กล่าว
นายภณวัชร์นันท์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากเสนอแนะและแนะนำ รัฐมนตรี อ.ว. จำนวน 3 ข้อ ได้แก่
1) อยากให้ทางรัฐมนตรีฯ สั่งการให้ ผู้อำนวยการ สอวช. นำสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัล สภาวิจัยแห่งชาติตั้งแต่ปี 2518 นักประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งเป็นทุนของประเทศที่ลงทุนไว้ตั้งแต่ปี 2518 เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดเพิ่มศักยภาพ ให้เกิดความโดนเด่นเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน
2).ส่งเสริมจัด ให้ทุนสนับสนุน เพื่อออก ออกแบบผลิตภัณฑ์ และสั่งการให้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. และกรมวิทยาศาสตร์ บริการ ออกแบบคู่มือทดสอบ รับรองผลิตภัณฑ์ และขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยฯ เพื่อให้เป็นพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุน
3).ให้ สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน สั่งให้หน่วยงานของรัฐ ตั้งงบประมาณประยุกต์ใช้ในหน่วยงานของรัฐ เพื่อสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ มั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน แก้จน สร้างคน สร้างชาติ ผลักดันให้เกิด “สตาร์ทอัพ” ใหม่ๆ จะเป็นอีกกลไกที่จะช่วยผลักดันประเทศไทยไปสู่ ประเทศไทย 4.0 และจะเกิดการพลิกพื้น เศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
” กระทรวง อว.อย่างสับสนหลงทาง ไปโฟกัส งานวิจัยมากเกิดจนลืมสิ่งประดิษฐ์ เพราะสิ่งประดิษฐ์เท่านั้นที่จะพัฒนาเข้าสู่เชิงพาณิชย์ เป็นวัตกรรมของชาติไทย และเป็นโมเดลธุรกิจสตาร์ทอัพ” (Startup) ได้ เมื่อเกิด สตาร์ทอัพ” (Startup) จะเกิด การจ้างงาน เกิดการผลิต เกิดการค้าขาย เกิดสภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ ยังสามารถส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศ นำเงินตราต่างประเทศ เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ จะเกิด ผลกระทบทางเศรษฐกิจ อย่างรวดเร็ว ในเชิงบวก จะเกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แบบฉับพลันต่อเนื่องแบบพลวัตร สังคมไทยจะมีนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาแก้ปัญหา สภาพบ้านเมืองให้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย หาก รัฐมนตรี หลงประเด็นจะถูก เพราะงานเปิดบ้าน วช. นายกสมาคมฯ มองเห็นว่า งานสิ่งประดิษฐ์ ที่พัฒนาเป็นนวัตกรรมไทย ฝ่ายบริหารของกระทรวงนี้ไม่ให้ความสำคัญที่จะนำมาพัฒนาต่อยอดเข้าสู่เชิงพาณิชย์ และกลับโฟกัสไปที่ งานวิจัยใช้งบและนำงานวิจัยไปขึ้นหิ้งแบบเดิมจะไม่มีทางเห็นผลเป็นรูปธรรม เพราะงบวิจัยมันหอมหวานหน้ารับประทานที่สุดในงานวิจัย ” นายภณวัชร์นันท์กล่าว
You must be logged in to post a comment Login