- อย่าไปอินPosted 15 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ไสยศาสตร์ ศาสตร์ของซาตาน
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ วันที่ 26 กรกฎาคม-2 สิงหาคม 2562)
ลูกหลานอิสราเอลเคยรุ่งเรืองในอียิปต์เมื่อโยเซฟ (นบียูซุฟ) บุตรของยาโกบ ได้เป็นผู้ปกครองอียิปต์ แต่หลังจากสมัยของโยเซฟ พวกลูกหลานอิสราเอลผิดสัญญากับพระเจ้าโดยหันไปเคารพวัตถุบูชาสารพัดรูปแบบ พระเจ้าจึงลงโทษคนพวกนี้ให้ตกเป็นทาสของฟาโรห์
แม้โมเสสจะช่วยพวกลูกหลานอิสราเอลให้พ้นจากการเป็นทาสด้วยอำนาจของพระเจ้าแล้ว แต่สักพักพวกลูกหลานอิสราเอลได้ขอให้โมเสสทำวัตถุบูชาให้พวกตนเคารพสักการะแทนพระเจ้าอีก เมื่อโมเสสขึ้นไปรับคัมภีร์โตราห์จากพระเจ้าบนภูเขาซีนาย พวกลูกหลานอิสราเอลก็ทำรูปหล่อโคทองคำขึ้นมาบูชาสักการะอีก
ด้วยเหตุนี้ลูกหลานอิสราเอลจึงถูกพระเจ้าลงโทษให้ต้องร่อนเร่พเนจรไร้ถิ่นฐานในทะเลทรายเป็นเวลาหลายสิบปี และถูกชนชาติต่างๆรุกรานอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งกษัตริย์เดวิดขึ้นมามีอำนาจ สามารถสร้างอาณาจักรอิสราเอลขึ้นมาได้ พวกลูกหลานอิสราเอลจึงอยู่เย็นเป็นสุข
เมื่อกษัตริย์เดวิดล่วงลับไป กษัตริย์โซโลมอนได้ขึ้นครองอำนาจต่อ กษัตริย์โซโลมอนได้รับอำนาจพิเศษจากพระเจ้าให้รู้ภาษาของนก และสามารถควบคุมญิน สิ่งมีชีวิตเร้นลับที่มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ได้ กองทัพของกษัตริย์โซโลมอนจึงเกรียงไกรที่สุดในโลกเวลานั้น
หลังสมัยกษัตริย์โซโลมอน อาณาจักรอิสราเอลได้แตกออกเป็น 2 ส่วน และถูกชนชาติต่างๆ เช่น บาบิโลน แอสซีเรีย และเปอร์เซีย โจมตีและตกเป็นทาสของชาติเหล่านี้
เมื่อกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียปล่อยพวกลูกหลานอิสราเอลให้เป็นอิสระ คนพวกนี้ได้อพยพไปยังเมืองเยรูซาเล็มและสร้างวิหารหลังใหม่ขึ้นมาแทนวิหารของโซโลมอนที่ถูกทำลายไป
หลังจากสมัยพระเยซู พวกลูกหลานอิสราเอลได้ถูกกองทัพโรมันไบแซนตินโจมตี และเมืองเยรูซาเล็มถูกทำลาย พวกลูกหลานอิสราเอลต้องอพยพหนีตายไปหลบภัยในดินแดนต่างๆ ในจำนวนนี้มี 3 เผ่าที่หลบมาอาศัยอยู่ที่ชานเมืองยัษริบในคาบสมุทรอาหรับ
ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม พวกลูกหลานอิสราเอลมักจะหวนระลึกถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรในอดีต ด้วยความคิดเช่นนี้เองพวกลูกหลานอิสราเอลจึงถูกหลอกหรือเข้าใจผิดคิดว่าอาณาจักรอิสราเอลยิ่งใหญ่ได้เพราะกษัตริย์โซโลมอนมีความรู้ทางไสยศาสตร์ที่สามารถควบคุมญินได้ แต่พวกลูกหลานอิสราเอลลืมไปว่าอำนาจพิเศษที่กษัตริย์โซมอนมีนั้นเป็นอำนาจพิเศษที่พระเจ้ามอบให้
พวกลูกหลานอิสราเอลจึงเริ่มศึกษาไสยศาสตร์ที่ทำให้ต้องหันไปพึ่งพิงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพจากมักก๊ะฮฺไปยังยัษริบและต้องมีปฏิสัมพันธ์กับพวกลูกหลานอิสราเอล คนพวกนี้ได้นำวิชาไสยศาสตร์มาใช้ในการทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน และอ้างว่าวิชาไสยศาสตร์มาจากกษัตริย์โซโลมอน พระเจ้าจึงได้เปิดเผยให้นบีมุฮัมมัดรู้ว่า
“พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติตามสิ่งที่พวกซาตานอ้างอย่างผิดๆว่ามันมาจากอาณาจักรของนบีสุลัยมาน ทั้งๆที่ความจริงแล้วสุลัยมานมิได้เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธศรัทธา แต่พวกชัยฏอนที่พร่ำสอนไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คนต่างหากที่ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกส่งมายังทูตสวรรค์ทั้งสองคือฮารูตและมารูตที่เมืองบาบิล (บาบิโลน) แต่เมื่อใดก็ตามที่ทูตสวรรค์ทั้งสองได้สอนไสยศาสตร์แก่ผู้ใด เขาทั้งสองจะเตือนล่วงหน้าไว้อย่างชัดเจนว่า “เราเป็นเพียงการทดลองอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น พวกท่านจงอย่าปฏิเสธศรัทธา” (กุรอาน 2:102)
ข้อความจากคัมภีร์กุรอานดังกล่าวข้างต้นทำให้เรารู้ว่าไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ของซาตาน และการเล่นไสยศาสตร์เป็นการปฏิเสธศรัทธา เพราะต้องบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นบีสุลัยมานมิได้เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ แต่วิชาไสยศาสตร์เกิดขึ้นในระหว่างที่พวกลูกหลานอิสราเอลตกเป็นทาสของอาณาจักรบาบิโลน และในช่วงนั้นเองพระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์ 2 องค์ที่ชื่อว่าฮารูตและมารูตแปลงร่างเป็นมนุษย์ 2 คนมาสอนวิชาไสยศาสตร์แก่พวกลูกหลานอิสราเอล
ทุกครั้งที่ฮารูตและมารูตสอนวิชาไสยศาสตร์ ทั้ง 2 คนจะบอกก่อนว่าวิชาไสยศาสตร์ที่สอนไปนั้นก็เพื่อจะทดสอบว่าพวกลูกหลานอิสราเอลจะเชื่อในอำนาจของพระเจ้าหรือซาตาน การทำเช่นนี้ก็เหมือนกับตำรวจจะจับโจรโดยการทำเครื่องหมายบนธนบัตรเพื่อซื้อของจากโจรนั่นเอง
ไสยศาสตร์มีจริง แต่มันเป็นศาสตร์ของซาตาน
You must be logged in to post a comment Login