วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เมื่อนบีมุฮัมมัดโดนไสยศาสตร์

On August 2, 2019

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  วันที่ 2 – 9 สิงหาคม 2562)

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม ศัตรูของท่านไม่ได้มีแต่เฉพาะผู้นำชาวอาหรับที่เกรงว่าตัวเองจะสูญเสียผลประโยชน์และสถานภาพเท่านั้น แต่ยังมีชาวยิวที่คิดจะกำจัดท่านทุกวิถีทางตามสำนวนไทยที่กล่าวว่า “ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา” และหนึ่งในวิธีการชั่วร้ายนั้นคือการใช้ไสยศาสตร์

ในบันทึกคำบอกเล่าของนางอาอิชะฮ์ ภรรยาของท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวว่า ในช่วงปลายชีวิตมีคนทำมนต์ดำใส่ท่านนบีมุฮัมมัดจนกระทั่งท่านคิดไปว่าท่านทำสิ่งที่ท่านไม่ได้ทำ เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจึงวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าให้พ้นจากอิทธิพลของมนต์ดำ

แม้ความหลงลืมจะไม่มีผลกระทบต่อการจดจำคัมภีร์กุรอานที่ท่านได้รับจากพระเจ้า แต่ถ้าหากปล่อยไว้เนิ่นนานความหลงลืมของท่านอาจทำให้ผู้คนคลายความเชื่อถือในตัวท่าน ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงคุ้มครองนบีทุกคนของพระองค์จึงทรงคุ้มครองท่านด้วยการส่งทูตสวรรค์มาบอกวิธีการรักษาอาการป่วยของท่าน

นบีมุฮัมมัดเล่าว่า คืนหนึ่งขณะที่ท่านนอนหลับมีชาย 2 คนมาหาท่าน คนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้กับศีรษะของท่านและอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงเท้าของท่าน คนหนึ่งกล่าวว่า “อะไรที่ทำให้เขาป่วย?”  อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “เขาถูกมนต์ดำ” นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าคนทำที่มนต์ดำใส่ท่านคือชาวยิวชื่อละบีดและบอกถึงวิธีการทำด้วย

ชายคนนั้นได้บอกท่านนบีว่ามีคนเอาเส้นผมของท่านที่ติดอยู่กับหวีของท่านไปให้คนทำไสยศาสตร์ หลังจากนั้นเส้นผมของท่านได้ถูกนำไปผูกกับดอกเกสรตัวผู้ของอินทผลัมและนำไปวางไว้ในบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าบ่อน้ำซัรฺวาน

เมื่อรู้สึกตัวท่านนบีมุฮัมมัดจึงได้ไปยังบ่อน้ำแห่งนั้นพร้อมกับสาวกบางคนของท่านและกลับมาเล่าให้ภรรยาของท่านฟังว่า “น้ำในบ่อแห่งนั้นมีสีเหมือนกับน้ำที่ผสมกับใบเฮนนา และยอดของต้นอินทผลัมใกล้บ่อน้ำแห่งนั้นเหมือนกับหัวของซาตาน (กล่าวคือ เหมือนกับหัวของงู)”

ภรรยาของท่านจึงถามว่าทำไมท่านไม่เอาสิ่งที่ท่านพบมาให้ผู้คนได้เห็น ท่านได้กล่าวว่า “เนื่องจากพระเจ้าทรงเยียวยารักษาฉันให้หายแล้ว และฉันกลัวว่าถ้าหากเอามันออกมามันอาจจะนำสิ่งเลวร้ายมาสู่ผู้คน” หลังจากนั้นท่านได้สั่งให้กลบบ่อน้ำแห่งนั้น

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้มันเกิดขึ้นกับตัวของนบีมุฮัมมัดเองเพื่อจะบอกว่าไสยศาสตร์หรือศาสตร์ของซาตานมีจริง แต่ซาตานไม่มีอำนาจเหนือพระเจ้า ผู้ศรัทธาในพระเจ้าต้องไม่เกรงกลัวมัน และต้องไม่วิงวอนขอความช่วยเหลือจากมัน หรืออาศัยตะกรุด เครื่องรางของขลัง เพราะหากใครทำเช่นนั้นก็เท่ากับทำบาปใหญ่ที่มีผลทำให้สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิมทันที

ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงได้สอนวิธีการป้องกันไสยศาสตร์หรือมนต์ดำให้แก่ผู้ศรัทธาในพระองค์ผ่านทางนบีมุฮัมมัด โดยการประทาน 2 บทสุดท้ายของคัมภีร์กุรอานให้อ่านเพื่อขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าก่อนนอน

บทหนึ่งมีความหมายเป็นภาษาไทยดังนี้

“จงกล่าว ‘ฉันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งรุ่งอรุณให้พ้นจากความชั่วร้ายของทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง และจากความชั่วแห่งความมืดของกลางคืนเมื่อมันแผ่ลงมา และจากความชั่วของผู้เสกเป่าลงไปบนปมเงื่อน และจากความชั่วของผู้อิจฉาเมื่อเขาอิจฉา’”

และอีกบทหนึ่งมีความหมายดังนี้

“จงกล่าว ‘ฉันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งมนุษยชาติ ราชาแห่งมนุษยชาติ พระเจ้าของมนุษยชาติ ให้พ้นจากความชั่วของผู้แอบเข้ามากระซิบครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้กระซิบเข้าไปในหัวใจของมนุษย์ ทั้งจากพวกญินและมนุษย์’”

หลังจากมนต์ดำถูกทำลายแล้ว ก่อนนอนนบีมุฮัมมัดจะยกฝ่ามือ 2 ข้างขึ้นชนกันและเป่าลมลงไปบนฝ่ามือ หลังจากนั้นท่านจะอ่านบทขอความคุ้มครองทั้งสองแล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองลูบบนศีรษะและทุกส่วนของลำตัวไปจนถึงส่วนที่ฝ่ามือของท่านสามารถไปถึง

 


You must be logged in to post a comment Login