- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เรียนรู้เรื่องอสังหาฯไม่ได้ยากอย่างที่คิด
นายทรงพล ศรีวงศ์ทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านงานขายและการตลาด กล่าวว่า สุภาษิตในการทำธุรกิจที่บอกว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” ในอดีตก็มีความเป็นจริงในสมัยนั้น ยุคต่อมาก็มีคำใหม่ “ปลาเร็วกินปลาช้า” บ่งบอกได้ว่าใครทำได้เร็วกว่าก็สามารถชนะได้ในทางธุรกิจ แต่ในปัจจุบันต้องใช้คำว่า “ปลาที่สามารถปรับตัวได้ชนะได้ทุกปลา” คำนี้ไม่เกินไปสำหรับยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะ จะเห็นได้ว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันเริ่มมีขนาดที่เล็กลง บางธุรกิจทำเองคนเดียวสามารถทำเงินเป็นหลักล้านได้ง่าย
หากเทียบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในปี 2561 ธุรกิจที่มีการบอกเลิกประกอบกิจการมากที่สุด อันดับ 1 ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 207 ราย อันดับ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 141 ราย แต่ในด้านจัดตั้งมากที่สุด อันดับ 1 ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 534 ราย อันดับ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 381 ราย (ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561) จะเห็นได้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ยังได้รับความสนใจเข้ามาทำกันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ประกอบการที่เข้ามาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แรกๆถือได้ว่ากว่า 90% เป็นรายเล็กอยู่ จะมีอยู่เพียงไม่ถึง 10% ที่อยู่รอดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน จากที่ได้สำรวจกลยุทธ์หรือหลักการทำธุรกิจให้อยู่รอดและโตได้อย่างง่ายๆ ต้องย้ำว่าอย่างง่ายๆ ในยุค 4.0 สรุปประเด็นได้ดังนี้
1. เดินตามรายใหญ่ อ่านไม่ผิด ให้ทำตามที่รายใหญ่ทำ เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่กว่าจะทำโครงการหรือพัฒนาสินค้ามาสู่ตลาด เขาใช้เงินในเรื่องการวิจัยและพัฒนาสินค้ามาก่อนแล้ว ซึ่งงบประมาณสำหรับวิจัยและพัฒนานี้ในแต่ละบริษัทใช้กันเป็นหลักหลายล้าน หากผู้ประกอบการรายเล็กทำเอง เงินทุนคงหมดก่อนเริ่มทำโครงการแล้ว
2. หาช่องว่างในตลาดให้ได้ หากเลือกจะทำโครงการแล้ว สิ่งสำคัญของผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องทำเป็นอันดับแรกๆคือ การสำรวจตลาดเพื่อหาว่าสินค้าอะไรในพื้นที่เป็นสินค้าขายดี แล้วดูว่าเรามีช่องว่างเข้าไปแข่งขันได้ช่องไหนบ้าง ยกตัวอย่าง ทาวน์เฮาส์ราคา 2 ล้านบาทขายดี ลองหาช่องว่างว่ามีอะไรบ้างที่สามารถแข่งขันได้ 1.เลือกที่ดินให้ดีกว่าโครงการที่ขายดี 2.พัฒนาทาวน์เฮาส์ให้มีราคาขายที่ต่ำกว่า 10% 3.หากไม่สามารถทำได้ตามข้อ 1, 2 ให้ยอมรับในเรื่องกำไรลงมาบ้างสัก 1-5% เนื่องจากต้นทุนค่าบริหารของบริษัทขนาดเล็กไม่ได้สูงเท่าบริษัทใหญ่ และอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่คนคนเดียวสามารถทำได้ กำไรลดลงแต่ขายได้เร็วขึ้น ประหยัดเรื่องดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่างๆ
3. อย่ายึดติดกับความอยากส่วนตัว เรื่องนี้เจอมาเยอะ เรียกว่าทำให้เจ๊งกันมาเยอะแล้วจากเรื่องนี้ ถ้าเอาความอยากมาใส่ในการพัฒนาโครงการแต่ไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าก็เตรียมตัวเจ๊งได้เลย อยากทำของดีเรื่องวัสดุดีๆ ให้ขนาดบ้านใหญ่ กว้าง หรือออกแบบตามความชอบส่วนตัว แต่ทั้งหมดไม่ตรงตามความต้องการลูกค้า สุดท้ายก็ขายไม่ได้ ขอย้ำ เอาความต้องการของลูกค้ามาก่อนความอยากส่วนตัว
ในสถานการณ์ปัจจุบันขอบอกว่าเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายเล็กเป็นอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยี การโฆษณาในปัจจุบัน ทำให้รายใหญ่หรือรายเล็กไม่ต่างกันมาแล้ว
You must be logged in to post a comment Login