วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

การเมืองไทยแบบเต้ๆ.. เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

On August 16, 2019

คอลัมน์ :เรื่องจากปก
ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 16-23 สิงหาคม 2562)

แม้ไม่ใช่ข่าวใหญ่กว่าประเด็นการกล่าวถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรี แต่การชิงพื้นที่บนหน้าสื่อของนายเต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ออกมาแถลงในนามคณะกรรมการบริหารพรรคว่า พรรคได้มีมติเอกฉันท์เปลี่ยนสถานะจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” หรือเป็น ส.ส. ฝ่ายประชาชนอย่างเป็นทางการ ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งที่สื่อให้ความสนใจอยู่มากทีเดียว

ส.ส.เต้จะยกเหตุผลอะไรมาอ้างก็สุดแล้วแต่เต้ แต่สิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอนก็คือ ณ วินาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ส.ส.ปัดเศษเอื้ออาทรคนนี้ และดูเหมือนว่าคนไทยจะจำชื่อ ส.ส.ปัดเศษพรรคเล็กพรรคน้อยพรรคอื่นๆอันเกิดจากช่วง กกต. หาเครื่องคิดเลขไม่เจอไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว นอกจากชื่อนายเต้ มงคลกิตติ์ ที่โดดเด่น จนบางครั้งแทบเข้าใจผิดว่าเป็นหัวหน้าพรรคเล็กๆรวมกัน

เราคงไม่ต้องพูดถึงที่มาของการได้เป็น ส.ส. เพราะใครๆก็อยากจะได้เป็นทั้งนั้นไม่ว่าจะได้มาโดยวิธีพิสดารแค่ไหน แต่ที่เราต้องไม่ลืมก็คือ ส.ส. พรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้เกิดมาเพื่อเพิ่มจำนวนของผู้มีสิทธิยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ตามกติกาเลือกตั้งแบบไทยๆที่ถูกออกแบบโดย คสช. และภายใต้การคำนวณคณิตศาสตร์แบบ กกต.

ก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มีนักการเมืองคนหนึ่งซึ่งมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเองสูงมากคือเฮียชู หรือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ชุบตัวจากอ่าง แม้สอบตกจากการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ก็คุ้มค่ามากเมื่อสุดท้ายแล้วสามารถล้างมือในอ่างอาบอบนวดได้อย่างงดงาม แม้ปัจจุบันนายชูวิทย์จะไม่มีโอกาสกลับมาเล่นการเมืองในสภาได้อีก แต่บทบาทอื่นในสังคมนอกสภานั้นก็ยังคงมีลีลาเร้าใจอยู่มิใช่น้อย

หลายคนเคยยกเต้มาเปรียบเทียบกับนายชูวิทย์ ทั้งที่เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย เพราะที่มานั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว แม้นายชูวิทย์อาจจะเป็นนักการเมืองที่น่าจะใช้เงินส่วนตัวมิใช่น้อยในการเปิดตัวครั้งแรกๆ แต่ก็ถือว่าเป็นต้นทุนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับนักการเมืองทั่วไป เพราะนายชูวิทย์มักจะใช้วิธีพลิกวิกฤตเป็นโอกาส และรู้ว่าคนไทยที่เสพสื่อนั้นชอบอะไร นายชูวิทย์รู้ดีว่าคนไทยมักมีปัญหากับตำรวจไม่มากก็น้อย เขาจึงเลือกที่จะเล่นบทบาทเป็นปฏิปักษ์กับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในครั้งแรกๆ แต่สำหรับเต้หรือนายมงคลกิตติ์นั้นแทบจะเรียกว่าไม่ต้องลงทุนอะไรเลย จะมีเหมือนกันก็ตรงที่เต้รู้ว่าจะเล่นอย่างไรกับกระแสโซเชียล โดยเฉพาะกับกระแสของรัฐบาลที่กำลังผันผวน แน่นอนว่านักชกโนเนมที่ท้าชกกับแชมป์โลกย่อมไม่มีอะไรจะเสีย นอกจากได้น้อยกับได้มากเท่านั้น

การยกมือสนับสนุนให้คนเป็นนายกฯมาจากหัวหน้า คสช. ถือเป็นผลงานชิ้นโบเขียวลายพรางที่เป็นรูปธรรมทางการเมืองของเต้ ไม่นับเรื่องการคุยโม้โอ้อวดสมัยเป็นนักศึกษามาเฟีย หรือการคุยโวเรื่องเสียตัวเปิดซิง หรือได้ฟาดสาวรุ่นพี่ที่หลายคนหมายปองแต่เสร็จตน ฯลฯ เพราะเรื่องเหล่านั้นไม่ได้ส่งเสริมคุณสมบัติที่เหมาะแก่การได้มาเป็น ส.ส. ของประชาชนเลย

มาวันนี้เต้สามารถประกาศตัวเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านอิสระ “เท่แบบไม่ต้องลงทุน”

นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า “เต้เล่นเป็น” เลือกตั้งครั้งหน้าเต้จะมีสิทธิได้เป็น ส.ส.จากประชาชน ไม่ใช่มาจากการปัดเศษก็ได้ เพราะเต้ได้สร้างตัวตนให้มีบทบาททาง (ลิเก) การเมืองสำเร็จแล้ว

แต่เมื่อถามว่าคนไทยหรือสังคมไทยได้อะไรจากนักการเมืองที่มีพฤติกรรมแบบเต้? คนเสพสื่อได้ประโยชน์อะไรบ้างจากข่าวเต้? อาจต้องตั้งสติ ต้องนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะหาคำตอบมาอธิบาย..

ถ้าหากดูพฤติกรรมย้อนหลังตั้งแต่วันที่พรรคการเมืองพรรคเล็กพรรคน้อยที่มีคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาตรฐานแต่กลับมีโอกาสได้รับเก้าอี้ ส.ส. จากอภินิหารเครื่องคิดเลขรุ่นไดโนเสาร์ เราจะพบว่าสิ่งที่อธิบายทั้งหมดในวันนี้ กลุ่ม ส.ส. ที่วันนี้ประชาชนไม่เคยรู้ถึงนโยบาย แถมยังจำชื่อแทบไม่ได้นั้น พวกเขามิได้กระทำเพื่อประชาชน พวกเขาต่อรอง ข่มขู่ และทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนก่อนทั้งสิ้น

ตลอดเวลาที่ผ่านมานักการเมืองถูกเปรียบเป็นสารพัดสัตว์ ประเภทเขี้ยวลากดินก็ถูกเปรียบเป็นเสือ สิงห์ กระทิง แรด ประเภทที่ลื่นไหล ใครได้เป็นรัฐบาลก็ต้องขอร่วมด้วย เพราะถ้าต้องเป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง ก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นปลาไหล ใครที่สุดท้ายหักหลังได้ตลอดเวลาก็ถูกเรียกว่างูเห่า สารพัดสัตว์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ฝ่ายเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างแทบทุกครั้งว่าปัญหาเกิดจากนักการเมืองเลว คนดีจึงต้องเข้ามาทำรัฐประหาร

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เรากลับพบว่าได้เกิดนักการเมืองสารพัดสัตว์ประหลาดพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีก จะแตกต่างก็ตรงที่สัตว์การเมืองพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมของฟากฝ่ายเผด็จการเองทั้งสิ้น

ถ้ามองว่าระบอบประชาธิปไตยได้สร้างสารพัดสัตว์การเมืองขึ้นมา บัดนี้ระบอบเผด็จการกลับกลายเป็นผู้ตัดต่อพันธุกรรมให้เกิดสัตว์ประหลาดพันธุ์ใหม่ที่พิสดารมากกว่ายิ่งนัก หรือนี่จะเป็นการสร้างข้ออ้างเรื่องใหม่เพื่อไปสู่ “ระบอบเผด็จการประชาธิปไตย” ที่พิสดารล้ำลึกยิ่งกว่าที่เคยเห็นและเป็นมา

วันนี้จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่สังคมไทยต้องพึ่งพานักการเมืองแบบเต้ๆ

หรือเป็นเพราะว่าเราไม่สามารถพึ่งพาพรรคฝ่ายค้านที่มาจากพรรคการเมืองที่ได้เสียงจำนวนมากแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้? หรือยิ่งไปกว่านั้น เราไม่สามารถพึ่งพานักการเมืองจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ไม่มีความสามารถบริหารประเทศได้?

หรือเรากำลังท้อแท้ที่ไม่สามารถพึ่งพาและมีความหวังกับระบบรัฐสภาได้?

ถ้านักการเมืองอย่างเต้กลายเป็นนักการเมืองในฝันของคนไทย นั่นก็หมายความว่าเราคงจะได้นอนสลบไสล ไม่มีเช้าวันใหม่ให้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว..

ประเทศไทยของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร!!??


You must be logged in to post a comment Login