- อย่าไปอินPosted 17 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
‘นายกฯนักประดิษฐ์’ ร่วมเทิดพระเกียรติ ร. 4 องค์พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของวันวิทยาศาสตร์ไทย ประจำปี 2562 ว่า ในวันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญในแวดวงด้านวิทยาศาสตร์และ
นวัตกรรมของไทย เนื่องจากเป็นวันที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ที่ หมู่บ้านหว้ากอ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ซึ่งเป็นไปตามการคำนวณของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ได้คำนวณเอาไว้ล่วง
หน้าถึง 2 ปี โดยคณะมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525 กำหนดให้มีวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเพื่อเป็น
การเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยในด้านวิทยาศาสตร์และเทค
โนโลยี มาโดยตลอด จนกระทั่ง พระปรีชาสามารถของพระองค์ได้เผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง ได้รับพระสมัญญานามว่า ‘องค์พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย’จนกระทั่งปัจจุบันนี้
“ผมไม่อยากให้เด็ก เยาวชน และคนไทย หลงลืมวันสำคัญของชาติในวันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นวันที่พระเกียรติยศของ
พระองค์ได้แผ่ไพศาล เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ โดยเฉพาะตัวแทนจากประเทศมหาอำนาจที่มาเป็นสักขีพยาน ในการ
เกิดสุริยุปราคา ที่หว้ากอ แล้วนั้น ยังเป็นวันที่น้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ ในการศึกษาเรียนรู้ด้านวิทยา
ศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับพสกนิกรของพระองค์ในช่วงเวลานั้น เช่น การคำนวณวันธรรมสวนะ
ให้ถูกต้องตามการโคจรของดวงจันทร์ที่เรียกว่า ปฏิทินปักขคณนา เพื่อประโยชน์ในการพระศาสนา ทรงสถาปนาระบบ
เวลามาตรฐานขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2395 ได้ทรงสร้างพระที่นั่งภูวดลทัศนัยขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อใช้เป็นหอนาฬิการักษาเวลามาตรฐานของประเทศไทย โดยอาศัยอ้างอิงจากระบบทางดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า ประเทศของเราสามารถดำเนินการสร้างระบบเทียบเวลาได้ก่อนประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก และยังทรงอธิบายและเผยแพร่ความรู้สมัยใหม่ให้แก่ราษฎร ได้เข้าใจตามหลักวิชา ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ของคนในสังคมยุคนั้น เช่น การอธิบายเรื่องฝนแล้ง ฝนตกชุก ถือเรื่องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ไม่ใช่ฝีมือของเทวดาหรือภูตผีปีศาจแต่อย่างใด เป็นต้น ดังนั้น
จึงถือได้ว่าพระองค์ท่านได้ทรงวางรากฐานแก่วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมของประเทศไทย เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากให้คนไทยทุกคน รำลึกในพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าฯ ร. 4 ที่ได้นำพาวิทยาการสมัยใหม่ มาให้คนไทยได้ศึกษาเรียนรู้ จนทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลงานด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมระดับโลก” นายภณวัชร์นันท์กล่าว
+++++++++++++++++++++++++++++
You must be logged in to post a comment Login