- ว่าด้วย “นิสมฺม กรณํ เสยฺโย”Posted 6 hours ago
- สร้างบารมีพาอยู่เย็นเป็นสุขPosted 2 days ago
- ต้องทำชีวิตให้ดีกว่าเก่าPosted 2 days ago
- สิ่งที่อยากเห็นในปี 68Posted 6 days ago
- เล่นอะไรที่สร้างสรรค์ดีกว่าPosted 6 days ago
- ปีใหม่ขอให้มีสติปัญญาใหม่ๆPosted 1 week ago
- ความรู้วิเศษช่วยลดทุกข์Posted 1 week ago
- แก้สันดานหัวดื้อให้หายดื้อPosted 1 week ago
- ลองเป่าเศรษฐกิจให้โป่งทีPosted 2 weeks ago
- วัดสวนแก้วจัดงานต้อนรับปีใหม่Posted 2 weeks ago
ดีได้ก็เสื่อมถอยได้
คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 22 ส.ค. 62)
เมื่อเร็วๆนี้ทราบข่าวว่า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหาร พศ. ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ โดย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รายงานว่า ตามที่เกิดศึกระหว่างวัดพระธรรมกายกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทหาร ตำรวจ ได้เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจากทางคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่ง และเมื่อศึกเสร็จสิ้น สถานการณ์สงบลงเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2560 พระผู้ใหญ่และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกดำเนินคดี ถูกถอดสมณศักดิ์ เนื่องจากมีความผิดทางอาญา ฐานฟอกเงิน ฉ้อโกงประชาชน โดยมีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีอยู่เป็นตัวหลัก
จากนั้นศรัทธาของวัดพระธรรมกายเริ่มลดลง เงินบริจาคค่อยๆลดลง จนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่าติดลบมากมาย ทั้งยังเกิดความแตกแยกภายในวัดทั้งพระสงฆ์และศิษย์ จากนั้นได้มีการสรุปปัญหา ก็พบว่าปัญหาเกิดขึ้นจากความศรัทธา ต้องจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ใหม่เพื่อนำความศรัทธาในพระสงฆ์และพระพุทธศาสนากลับคืนมา จึงได้มีการดำเนินคดีเรื่องเงินทอน โดยมีหน่วยงานหลักคือ พศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)
ทั้งนี้ นายเทวัญบอกว่า ในส่วนของคดีวัดพระธรรมกายนั้นอยู่ในการดำเนินการชั้นศาลแล้ว พร้อมกันนี้ยังได้แจ้ง พศ. เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม 2 พระเกจิชื่อดัง ที่มีการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เนื่องจากมีความผิดตามประกาศมหาเถรสมาคม (มส.) เรื่องห้ามภิกษุ สามเณร เรียกเงินค่าเวทมนตร์ และห้ามทดลองของขลัง พ.ศ. 2495 และห้ามไม่ให้ภิกษุเป็นหมอเสน่ห์ยาแฝดอาถรรพณ์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พ.ศ. 2476 โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ต้องไปให้ความรู้กับประชาชน และให้ พศจ. ยึดแนวปฏิบัติตามประกาศ มส. ดังกล่าวด้วย เพราะพบว่าช่วงที่ผ่านมามีพระสงฆ์ประพฤติผิดตามประกาศ มส. เป็นจำนวนมาก
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะวัดพระธรรมกายที่เกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมา ส่งผลให้รายได้ของวัดพระธรรมกายลดลงไปถึงกับติดลบถึง 800 ล้านบาท เป็นเรื่องที่น่าตกใจว่า ทำมาดีๆแล้วไม่น่าจะเสื่อมได้ถึงขนาดนี้ จนตอนนี้ข่าวออกมาก็น่าสงสารที่ว่า ภายในวัดพระธรรมกายเองก็เกิดความแตกแยก พระสงฆ์และคณะญาติโยมที่เคยอุปถัมภ์ค้ำชูเริ่มถอย ถอดใจกันไปจนกระทั่งติดลบแล้ว เป็นเรื่องที่เมื่อดีแล้วไม่รักษาความดี ดีได้ก็เสื่อมถอยได้ และตอนนี้ พศ. น่าจะเริ่มมีอะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ มีการจับพระ 2 รูป ที่ไปปลุกเสกเครื่องรางของขลัง แล้วก็จับสึกเลย
เรื่องอย่างนี้ไม่เคยมีมาก่อน หมายความว่าต่อแต่นี้ไปเมืองไทยอาจจะยุติบทบาทพระที่เสพยา ขายโน่นขายนี่ การปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้ญาติโยมงมงาย ลุ่มหลง คงจะอยู่ยากแล้ว และอาจจะหมดไป พระภิกษุ พระสงฆ์จะได้หันหน้ามาศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม ถ้าจะหารายได้ก็ต้องหาให้ถูกทาง อย่างหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ เคยพูดว่า เราไม่อยากได้เงินคนโง่ๆเอามาสร้างวัดสร้างวา ต้องได้เงินของคนฉลาด เขาฉลาดในการทำนุบำรุงพระศาสนา เอามาบำรุงศาสนาดีกว่าจะได้เงินจากคนโง่ๆ อันนี้สำคัญมาก
บัดนี้ถึงเวลาแล้วสำหรับพระพุทธศาสนาในเมืองไทย อะไรที่เป็นของนอกลู่นอกทางอาจจะเบาบางจางหายไปในระยะ 1-2 ปีข้างหน้านี้ก็ได้ เพราะมีการเชือดไก่ให้ลิงดูแล้วว่า ถ้าวัดไหนยังจะอวดอุตริปลุกเสกอีก เป็นการฝืนประกาศของ มส. ที่ได้ประกาศไปแล้วว่าไม่ให้จำหน่ายพระเครื่องในโบสถ์ ไม่ให้ปลุกเสก และถ้าใครปลุกเสกก็จะเป็นรายต่อไป เชื่อว่าพระคงจะหันหน้ามาศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัติธรรมให้ดีงามกันต่อไป
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login