วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ยอดมนุษย์ ฤาจะสู้ยอดมนัส

On September 12, 2019

คอลัมน์ : เรื่องจากปก

ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 13-20 กันยายน 2562)

2 ข่าวใหญ่ในรอบสัปดาห์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ข่าวที่มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่เรียนในคณะศิลปะ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้วาดภาพชุด “พระพุทธรูปปางอุลตร้าแมน” ซึ่งทางสถาบันได้นำไปแสดงนิทรรศการ ภาพดังกล่าวได้ไปกระทบความรู้สึก “คนดี” นำไปสู่การตำหนิ ก่นด่า ร้องว่าหมิ่นพระพุทธรูป จนสถาบันการศึกษาต้องนำตัวนักศึกษาสาวคนดังกล่าวไปกล่าวคำขอขมาด้วยความกลัวจนสะอื้นไห้ นับเป็นข่าวที่มีผู้แสดงความคิดเห็นแตกต่างกันมากที่สุดข่าวหนึ่ง

ล่าสุดลามปามไปถึงบางองค์กรออกมาฟ้องร้องเอาผิดกับสถาบันการศึกษาที่นำภาพวาดมาแสดงนิทรรศการ และศิลปินแห่งชาติคนดังแห่งวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย วิพากษ์วิจารณ์ให้กำลังใจนักศึกษาว่าเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่ได้เป็นการดูถูกดูหมิ่นพระศาสดา แต่กลับยกย่องเชิดชูในฐานะยอดมนุษย์ผู้มีอัจฉริยภาพสูงส่งในสายตาของผู้วาดเอง พร้อมให้กำลังใจว่าอย่าท้อ

ส่วนอีกข่าวหนึ่งก็คงไม่พ้นข่าวผู้กองมนัส (ยศในขณะนั้น) ที่ถูกสื่อของประเทศออสเตรเลียขุดประวัติในอดีตขณะไปฝึกหลักสูตรรบพิเศษสิงโตคู่เหยียบลูกโลกที่ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 4 ปี

ต่อมาถึงยุคปัจจุบันเมื่อเจ้าตัวได้เป็นถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหนึ่งของไทย ก็ได้ออกมาสะตอและท้าทายให้ตรวจสอบตนเองเกี่ยวกับคุณสมบัติซึ่งถูกซุบซิบมาโดยตลอดว่าเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายอาญา และเคยถูกจำคุกที่ประเทศออสเตรเลียในคดีค้ายาเสพติดหรือไม่

มีผู้แอบรับคำท้าส่งคนไปหาข้อมูลเงียบๆก็คือ ป๊าเสรีพิศุทธ์แห่งพรรคเสรีรวมไทย ได้ออกมายอมรับว่าตนเองเป็นผู้ชี้เบาะแสและติดต่อให้สื่อต่างประเทศไปค้นหาข้อมูล ข้อเท็จจริง จากศาลที่ประเทศออสเตรเลีย และถูกตีพิมพ์ในประเทศนั้น นำมาซึ่งการเป็นข่าวโด่งดังในประเทศไทยในที่สุด

การขยายรายงานข่าวของสื่อต่างชาตินั้น สื่อไทยส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เพราะข่าวแบบนี้มิได้มีผลกระทบแค่เพียงเป็นเรื่องการค้ายาเสพติดข้ามชาติในอดีตเท่านั้น แต่มีผลกระทบถึงสถานภาพการดำรงตำแหน่งและคุณสมบัติของเสนาบดีที่รัฐธรรมนูญไทยกำหนดมาตรฐานเอาไว้ ที่ต้องการให้ผู้มีตำแหน่งทางการเมืองนั้นสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เคยมีมลทินใดๆมาก่อน

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คนไทยที่ติดตามข่าวสารต้องการรู้ว่า การให้สัมภาษณ์ของเสนาบดีเองนั้นพูดเพราะหรือพูดเพี้ยนกันแน่?

2 ข่าว 2 เรื่อง หลากหลายความเห็นที่แตกต่างกัน สะท้อนอะไรในสังคมไทยบ้าง? เป็นเรื่องที่น่าคิด

ว่าด้วยเรื่องศาสนานั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เถียงกันชาตินี้ถึงชาติหน้าก็ยังไม่จบ ใครนับถือใครไม่นับถือ ใครรักใครไม่รัก ถ้าเรารักแล้วใครไม่รักด้วย หรือถ้าเรารักแล้วใครต้องรักตามด้วย หลายเรื่องต้องพิจารณากันเอง

ยิ่งว่าด้วยเรื่องศิลปะและจินตนาการแล้วยิ่งเป็นอีกเรื่องที่ยากจะตัดสินได้

การที่เรื่องแบบนี้ถึงกับขึ้นโรงขึ้นศาลจึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาไม่ใช่น้อย เพราะการตัดสินในกระบวนการยุติธรรมที่ต้องยึดหลักกฎหมายนั้น จะยึดหลักกฎหมายมาใช้พิจารณาเรื่องแบบนี้ได้จบลงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสวยงามจริงหรือ?

แล้วถ้าตัดสินออกมาว่าไม่ผิด นับแต่นี้เป็นต้นไปเราจะเจอพระพุทธรูปสารพัดปางอะไรเกิดขึ้นอีกในแวดวงศิลปะ หรือจริงๆแล้วก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลกพิสดารตรงไหนที่เราก็เห็นประติมากรรมที่เกิดขึ้นหลังสมัยพุทธกาลมาแล้ว ซึ่งมิได้มีเพียงรูปแบบเดียวอยู่แล้วเช่นกัน แม้แต่ในแต่ละภพชาติของพระศาสดาเองก็เคยเกิดเป็นแม้กระทั่งสัตว์เลื้อยคลานมาแล้ว และมีงานศิลปะแบบนี้ให้เห็นมาแล้วเป็นปกติตามวัดวาอาราม ศาสนสถานต่างๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือความคิดเห็นที่หาอ่านได้ง่ายๆจากโซเชียลเน็ตเวิร์ค จะพบว่าแบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน

กรณีของพระพุทธรูปปางอุลตร้าแมนนั้น หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างชัดเจน และถ้ามีการฟ้องร้องกันทางกฎหมายลุกลามไปไม่เลิก มีหวังซัดกันนัวแน่

แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ กรณีของอุลตร้าแมน “ยอดมนุษย์ยอดมนัส” เจ้าของโลโก้ “คนแจกกล้วยให้ลิง” นั้น จะโน้มเอียงไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด จะมีแหกคอกออกมาบ้างก็ในทำนองที่ว่าถูกฝ่ายตรงข้ามนำมาเปิดเผย แต่ก็ไม่มีใครออกมาวิจารณ์ว่าสิ่งที่นำมาเปิดเผยนั้นจริงหรือไม่จริง

นอกนั้นก็มีฝ่ายที่สงบปากสงบคำไม่วิพากษ์วิจารณ์ใดๆ เพราะว่ากำลังเคี้ยวกล้วยอยู่ หรือกล้วยกำลังติดคอ

ถึงกับเนติบริกรต้องยกคำพระออกมาช่วยว่า ..ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนตอบเสียก่อน เพราะเขารู้มากกว่าคนอื่น “สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง” ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นเรื่องที่บุคคลรู้ด้วยตัวเอง บุคคลอื่นหารู้แทนได้ไม่

อีกไม่นานประเด็น “พระพุทธรูปปางอุลตร้าแมน” คงจะเบาบางจางหายไปตามกระแสข่าว

แต่เรื่อง “ยอดมนุษย์ยอดมนัส” เพิ่งจะเริ่มต้น และยังไม่ได้จบลงง่ายๆ เพราะขณะนี้มีการขยายผลไปถึงปริญญาเอกเก๊ที่เคยปรากฏเป็นข่าวในอดีต และกำลังท้าทายอนาคตทางการเมืองในปัจจุบันของนักการเมืองฟากฝ่ายรัฐบาล

การท้าทายหรือเดิมพันด้วยตำแหน่งทางการเมืองนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การท้าทายเรื่องคุณธรรมจริยธรรมว่าตนนั้นดีกว่าคนอื่น ประเสริฐกว่าคนอื่น และมีสิทธิ์ตีความชี้นิ้วว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนชั่วมากกว่ากันนั้น จะเป็นเรื่องที่สะท้อนกลับและรุนแรงยิ่งกว่าผลทางกฎหมาย

“ต่อมจริยธรรม” ของสังคมไทยกำลังแปรปรวนอย่างหนัก

ในระหว่างที่ต่อมจริยธรรมยังไม่คืนสู่สภาพปกติ หรือยังหามุกอะไรใหม่ๆไม่ได้

ขอเชิญคนดีกว่าใครทั้งหลายสุขสราญกับศึกนายขนมต้ม “เพื่อไทยไฟติ้ง”รอบพิเศษ ที่มาชกโชว์ความโง่ความกร่างคั่นรายการ พร้อมกับเอา “กล้วย” ยัดปากไปพลางๆ!!??


You must be logged in to post a comment Login