วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ศึกไดโนเสาร์

On September 13, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 13-20 กันยายน 2562)

ลองจินตนาการดูว่าตอนที่มีคนพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ครั้งแรกในโลก พวกเขาจะคิดว่ามันเป็นโครงกระดูกของสัตว์ประเภทไหน จะเรียกชื่อสัตว์ชนิดนี้ว่าอะไร และทำไมเวลาต่อมาจึงตั้งชื่อให้ว่าไดโนเสาร์ วันนี้เรามีคำตอบให้

 

โครงกระดูกไดโนเสาร์ถูกค้นพบมานานหลายพันปีแล้ว เพียงแต่มนุษย์ในยุคสมัยนั้นไม่มีใครรู้จักสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ ถ้านับจากที่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น การค้นพบที่เมืองอู่เฉิน ประเทศจีน โดยฉางชวี่ เมื่อราว 400 ปีก่อนคริสตกาล เขาจดบันทึกว่าเป็นโครงกระดูกมังกร สามารถรักษาได้สารพัดโรค เรียกได้ว่าเป็นยาครอบจักรวาล

โครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารไม่เข้าพวกกับสัตว์ชนิดใดๆที่เคยเห็น ทำให้แต่ละคนจินตนาการกันไปต่างๆนานา เปรียบเทียบกับสัตว์ที่ปรากฏในตำนาน จนกระทั่งในปี 1676 จึงมีนักวิทยาศาสตร์หันมาสนใจศึกษาโครงกระดูกประหลาดอย่างจริงจัง

ถุงอัณฑะยักษ์

ปี 1676 เซอร์โทมัส เพนนิสัน พบโครงกระดูกท่อนขาส่วนบนขนาดใหญ่ของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จักในเหมืองหินปูนเมืองสโตนส์ฟิลด์ มณฑลออกซ์ฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ เซอร์โทมัสส่งโครงกระดูกให้กับโรเบิร์ต พล็อต ศาสตราจารย์ทางเคมีมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ทำการวิเคราะห์ว่าเป็นโครงกระดูกของสัตว์ชนิดใด

โรเบิร์ตรู้แต่เพียงว่าโครงกระดูกที่ได้รับไม่เข้าพวกกับสัตว์ชนิดใดเลย เขาไม่รู้ว่าจะเรียกสัตว์เจ้าของโครงกระดูกนี้ว่าอะไร ด้วยอารมณ์ขันปนทะลึ่งที่มีอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของผู้ชายแทบทุกคน โรเบิร์ตตั้งชื่อสัตว์ชนิดนี้ตามรูปลักษณ์ของโครงกระดูกว่า “Scrotum humanum” แปลว่า “ถุงอัณฑะมนุษย์”

ไดโนเสาร์ถูกเรียกว่าถุงอัณฑะมนุษย์นานกว่าร้อยปี ปรากฏให้เห็นอยู่ในวารสารวิทยาศาสตร์ประเทศอังกฤษหลายฉบับ หลังจากศึกษาจนพอจะรู้ว่าโครงกระดูกที่พบเป็นสัตว์เลื้อยคลานดึกดำบรรพ์ ปี 1824 วิลเลี่ยม บักแลนด์ ก็ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า Megalosaurus แปลว่า “สัตว์เลื้อยคลานขนาดมหึมา” เพราะไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังมองนักวิทยาศาสตร์เป็นพวกชอบตลกโปกฮาไปวันๆ

สรุปว่า Megalosaurus เป็นไดโนเสาร์ชนิดแรกที่เรารู้จักและมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ เมื่อถึงปี 1842 มีการพบโครงกระดูกของสัตว์ขนาดใหญ่ชนิดอื่นๆอีกหลายชนิด เช่น Hylaeosaurus Iguanodon และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งไม่เข้าพวกกับสัตว์ที่มีบนโลกในตอนนี้ ริชาร์ด โอเวน เสนอให้เรียกสัตว์ดึกดำบรรพ์กลุ่มนี้รวมๆกันว่า Dinosaur (ไดโนเสาร์) แปลว่า สัตว์เลื้อยคลานที่น่าสะพรึงกลัว

ยิ่งใหญ่เพราะขโมยงาน

พาโบล ปิกัสโซ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 เคยกล่าวเอาไว้ว่า “Good artists copy, great artists steal.” (ศิลปินที่เก่ง ลอกเลียนแบบ ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ ขโมย) ดูเหมือนคำกล่าวนี้จะใช้ได้กับวงการวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน

ริชาร์ดสร้างผลงานให้กับวงการวิทยาศาสตร์อังกฤษมากมายจนได้รับพระราชทานตำแหน่งอัศวินในปี 1883 แต่ผลงานจำนวนมากนั้นขโมยมาจากนักวิทยาศาสตร์คนอื่นเอามาเป็นของตัวเอง กรณีที่เด่นชัดที่สุดได้แก่การขโมยผลงานศึกษา Iguanodon ของกิเดียน แมนเทล ซึ่งทำขึ้นก่อนหน้าที่ริชาร์ดจะเอ่ยถึงนานหลายปี เป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ริชาร์ดเรียกร้องให้ศาลสั่งห้ามกิเดียนตีพิมพ์ผลงานของเขาอีก โดยให้เหตุผลว่ามีข้อผิดพลาดมากมาย

กิเดียนพบโครงกระดูก Iguanodon ครั้งแรกในปี 1820 แต่ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าเป็นโครงกระดูกสัตว์ชนิดไหน เขาเขียนบทความการค้นพบในปี 1822 กิเดียนใช้เวลาหลายปีศึกษาจนพบว่ามันคือโครงกระดูก Iguanodon จึงได้แถลงข่าวกับหนังสือพิมพ์แฮมป์เชอร์เทเลกราฟในปี 1825

ริชาร์ดพยายามหักล้างงานวิจัยของกิเดียน ทั้งสองฝ่ายขวนขวายหาหลักฐานมายืนยันงานวิจัยของตัวเอง ริชาร์ดมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนขณะที่กิเดียนต้องควักกระเป๋าตัวเอง เมื่อถึงปี 1838 เงินทุนของกิเดียนก็หมดลง การที่ริชาร์ดตามจิกกัดกิเดียนนั้นเชื่อกันว่าเป็นเพราะงานวิจัยหลายชิ้นของกิเดียนหักล้างงานวิจัยของริชาร์ด จึงทำให้ริชาร์ดไม่พอใจตามจองล้างจองผลาญ

ปี 1846 ริชาร์ดได้รับรางวัล Royal Medal จากการค้นพบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดใหม่รูปร่างคล้ายปลาหมึก เขาตั้งชื่อมันว่า Belemnotheutis Owenii ภายหลังพบว่า โจเซฟ เพียซ นักบรรพชีวินสมัครเล่น ต่างหากที่เป็นคนแรกที่ค้นพบตั้งแต่เมื่อปี 1842 และตั้งชื่อมันว่า Belemnotheutis

คู่รักคู่แค้น

นักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในการศึกษาไดโนเสาร์คือ ออธนีล มาร์ช และเอ็ดเวิร์ด โคป สองนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน แรกเริ่มเดิมทีนักวิทยาศาสตร์สองคนนี้ถ้อยทีถ้อยอาศัยช่วยเหลือกันศึกษาค้นหาโครงกระดูกสัตว์ดึกดำบรรพ์ รักกันมากจนถึงกับบางครั้งใช้ชื่อสกุลของอีกคนต่อท้ายชื่อไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบ

ปี 1867 เอ็ดเวิร์ดตั้งชื่อไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบว่า Colosteus marshii เพื่อเป็นเกียรติให้กับออธนีล มาร์ช ต่อมาในปี 1869 ออธนีลตอบแทนด้วยการตั้งชื่อไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบว่า Mosasaurus copeanus เพื่อเป็นเกียรติให้กับ เอ็ดเวิร์ด โคป

แต่แล้วจู่ๆไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใด จากที่รักกลับเปลี่ยนเป็นเกลียดเข้ากระดูกดำ ช่วงชิงกันค้นหาโครงกระดูกไดโนเสาร์ บรรยายโจมตีผลงานของอีกฝ่าย หาวิธีขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายได้รับเงินทุนสนับสนุน พยายามขโมยผลงานของกันและกัน และที่เลวร้ายที่สุดคือพยายามทำลายสิ่งที่อีกฝ่ายค้นพบ

สุดท้ายแล้วทั้งคู่ค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่รวมทั้งสิ้น 142 สายพันธุ์ โดยออธนีลนำโด่งไปด้วยคะแนน 86 สายพันธุ์ ขณะที่เอ็ดเวิร์ดทำได้แค่ 56 สายพันธุ์ แม้จะนับได้ว่าเป็นจำนวนมากทีเดียว แต่ยังเทียบไม่ได้กับนักบรรพชีวินสมัครเล่นที่กำลังจะกล่าวถึง เนื่องจากเธอเป็นเพียงชาวบ้านที่ไร้การศึกษา แต่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักบรรพชีวินที่ยิ่งใหญ่หลายคน

สาวชาวบ้าน

แมรี่ แอนนิ่ง เกิดในครอบครัวยากจนในเมืองไลม์รีจิส ประเทศอังกฤษ พ่อของเธอเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์ และหาซากฟอสซิลขายให้กับนักท่องเที่ยว เสียชีวิตตอนที่แมรี่อายุได้เพียง 11 ปี แมรี่จึงต้องทำหน้าที่ออกหาซากฟอสซิลมาขายเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง โดยที่ไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ

ซากฟอสซิลที่แมรี่ค้นหาไม่ได้อยู่ตามพื้นราบ ส่วนใหญ่จะพบบริเวณหน้าผา ครั้งหนึ่งแมรี่ต้องสูญเสียสุนัขที่เลี้ยงเพราะมันตามเธอไปช่วยหาซากฟอสซิล หินก้อนใหญ่ร่วงหล่นมาทับสุนัขตายต่อหน้าต่อตา เฉียดเธอไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

แมรี่พยายามค้นคว้าด้วยตนเองโดยการขอยืมหนังสือเกี่ยวกับกายวิภาคของสัตว์ พูดคุยสอบถามกับคนที่มีความรู้ เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่เธอพบนั้นเป็นส่วนไหนของสัตว์ จะได้นำมาประกอบเป็นรูปเป็นร่างได้ถูกต้อง

นักวิทยาศาสตร์หลายคนเดินทางมาติดต่อขอซื้อซากฟอสซิลเหล่านั้นโดยไม่เคยเอ่ยถึงชื่อแมรี่ในงานวิจัย แมรี่เป็นสาวชาวบ้านไร้การศึกษา ไม่ควรค่าแก่การให้เครดิตงานวิจัยที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าแมรี่จะเป็นบุคคลแรกที่พบซากสมบูรณ์แบบของ Plesiosaurus เมื่อปี 1823 รวมถึงซากฟอสซิลของไดโนเสาร์อื่นๆอีกหลายสายพันธุ์

แมรี่หากินอยู่กับซากฟอสซิลนานหลายปีจนกระทั่งมันร่อยหรอไม่มีให้พบอีก แมรี่จำเป็นต้องนำซากฟอสซิลที่เก็บเอาไว้มาวางขายเพื่อนำเงินมาประทังชีวิต พ.ท.โทมัส บิร์ช หนึ่งในลูกค้ารายใหญ่รู้ข่าวก็เกิดความสงสาร เสนอขายซากฟอสซิลทั้งหมดที่เขาซื้อมาจากแมรี่ ให้กับกิเดียน แมนเทล ในราคา 400 ปอนด์ (ค่าเงินปัจจุบันประมาณ 48,000 ปอนด์) และมอบเงินจำนวนนี้ทั้งหมดให้กับแมรี่

เคราะห์กรรมของแมรี่ยังไม่หมดแค่นั้น ในปี 1835 เธอถูกคนโฉดหลอกลวงเอาเงินเก็บทั้งหมดไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว วิลเลี่ยม บักแลนด์ นักบรรพชีวินที่มีชื่อเสียง โน้มน้าวรัฐบาลอังกฤษให้อนุมัติเงินช่วยเหลือแมรี่ปีละ 25 ปอนด์ (ค่าเงินปัจจุบันประมาณ 3,000 ปอนด์)

แมรี่เสียชีวิตในปี 1847 ด้วยโรคมะเร็งทรวงอก เธอเป็นผู้หญิงคนแรกและเป็นคนแรกที่ไม่ใช่สมาชิกราชสมาคมแห่งลอนดอนที่ได้รับการสดุดีจากราชสมาคมแห่งลอนดอน แมรี่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ของผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลต่อวงการวิทยาศาสตร์

1

1.โครงกระดูก Scrotum humanum

2

2.ริชาร์ด โอเวน

3

3.Iguanodon ตามการคาดเดาของกิเดียน แมนเทล

4

4.การขุดหาซากฟอสซิลไดโนเสาร์

5

5.(ซ้ายและกลาง) Belemnotheutis โดยริชาร์ด โอเวน (ขวา) Belemnotheutis โดยโจเซฟ เพียซ

6

6.เอ็ดเวิร์ด โคป และออธนีล มาร์ช

7

7.แมรี่ แอนนิ่ง

8

8.หน้าผาที่แมรี่ขุดหาซากฟอสซิล

9

9. Plesiosaurus เขียนบันทึกโดยแมรี่

 


You must be logged in to post a comment Login