วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“RBF”พื้นฐานแกร่ง นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมาย4-4.60บาท

On September 20, 2019

นักวิเคราะห์ชั้นนำประเมินราคาเป้าหมายหุ้นบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF โดยแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น 2 แห่ง ได้แก่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาสูงสุดที่ 4.60 บาท และ บล.กสิกรไทยให้ราคาเป้าหมาย 4.03-4.52 บาท ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะแตะ 432 ล้านบาท เติบโต 24% จากการรับรู้รายได้จากโรงงานใหม่ต่างประเทศ สำหรับราคาเสนอขายหุ้น IPO ต้องรอสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) จากนักลงทุนสถาบันก่อน

นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ได้มีการวิเคราะห์หุ้นบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก รวมถึงผลิตตามคำสั่งซื้อ (Made to order) นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ “อังเคิลบาร์นส์” “เบสท์ โอเดอร์” “ก๊อปจัง” “Haeyo” “Angelo” และ “AroiMakMak”

ทั้งนี้ บริษัทแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 6 กลุ่มคือ กลุ่มวัตถุแต่งกลิ่นและรส และสีผสมอาหาร กลุ่มแป้งและซอส กลุ่มผลิตภัณฑ์อบแห้ง กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาเพื่อจำหน่าย

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 4.60 บาท โดยระบุว่าบริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานเกล็ดขนมปังในประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 และนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งจากการขายหุ้น IPO ไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตที่ประเทศอินโดนีเซียแห่งที่ 2 ในปี 2565 เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ส่งออก คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 7.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน หากไม่รวมค่าใช้จ่าย 0ne time คาดว่ากำไรปกติเติบโต 13.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และเมื่อรับรู้รายได้จากโรงงานใหม่ต่างประเทศคาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะเติบโต 24% หรืออยู่ที่ 432 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน

บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ระบุว่า RBF จะมีกำไรปกติใน 3 ปีข้างหน้า (2561-2563) เติบโตเฉลี่ย 15% จาก 324 ล้านบาท เป็น 488 ล้านบาท และคาดว่ายอดขายจะเพิ่ม 9% ต่อปี จากการเพิ่มการผลิต รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 38% ในปี 2561 เป็น 39% ในปี 2564 และ RBF จะมีรายได้จากต่างประเทศราว 15% ของรายได้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายส่วนประกอบอาหารในปี 2563 ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าราว 37% ของต้นทุนวัตถุดิบรวม ทำให้ RBF มีฐานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิราว 8% ดังนั้น เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท จะเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่อประมาณการกำไรและมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ราว 1.3% ให้ราคาเป้าหมาย 4.52 บาท

ขณะที่บริษัท โกลเบล็ก จํากัด ให้ราคาเหมาะสมที่ 4.44 บาท ทั้งนี้ ประเมินว่ากำไรปี 2562 และ 2563 อยู่ที่ประมาณ 352.5 ล้านบาท และ 396.2 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ โดยปี 2562 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,783 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากการขยายตลาดในต่างประเทศ ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานของบริษัทที่ได้ไปตั้งโรงงานในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย และในปี 2563 จะช่วยหนุนให้รายได้จากทั้งสองประเทศเติบโตสูง

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 37.8% เป็น 37.9% เนื่องจากธุรกิจโรงแรมจะถึงจุดคุ้มทุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและค่าเสื่อมราคาที่ลดลง รวมถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตและรุกตลาดผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาพื้นฐานที่ 4.36 บาท ประมาณกำไรสุทธิปี 2562 และปี 2563 อยู่ที่ 376 ล้านบาท และ 436 ล้านบาท เติบโต 16.1% ตามลำดับ ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิปี 2562 เติบโต 7% ตามการพื้นตัวของอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ โดยผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2562 จะเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ขณะที่ปี 2563-2564 จะเติบโตเร่งตัวเป็น 24% และ 25% ตามลำดับ

นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.30 บาท บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4 บาท


You must be logged in to post a comment Login