วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“‪สรรเสริญ” กาง 3 ยุทธศาสตร์พาณิชย์ ลุยน็อกดอร์ทั่วโลกเพิ่มยอดส่งออก‬

On September 27, 2019

1569587731904

‪ดร.สรรเสริญ สมะลาภา กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บรรยายในงานสัมมนา “เดอะเน็กซ์ไทยแลนด์ 4.0 ทางออกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก” จัดโดยธนาคารกรุงไทย และ ibusiness.co เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดย ดร.สรรเสริญกล่าวว่า ที่เรามาสัมมนาในวันนี้เพราะห่วงในภาวะเศรษฐกิจ อยากรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร และจะตั้งรับอย่างไร ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ทุกท่านทราบดีว่ามาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก หลายสำนักปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2562 ลงมาโดยลำดับ จากเดิมคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัว 3.8% ปรับลงมาสู่ 3.3% บางสำนักคาดการณ์เหลือ 2.8%‬
1569587817474

‪สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ความไม่แน่นอนของเบร็กซิท ที่สร้างผลกระทบเศรษฐกิจภาพรวมในขณะนี้ ต้องอาศัยการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพด้วยการให้ฟันเฟืองทุกตัวต้องหมุนไปพร้อมกัน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องทำงานประสานกันอย่างจริงจัง เพื่อทำให้รายได้ของประชาชนมากขึ้น อันจะทำให้มีเงินซื้อสินค้าที่ภาคธุรกิจผลิตได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการซื้อวัตถุดิบ การจ้างงาน และการขยายกิจการสูงขึ้น โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ต้องดูแลงานเศรษฐกิจหลายมิติ เช่น ราคาสินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ภาคส่งออก การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และพัฒนาธุรกิจยุคใหม่‬
1569587728251

‪ด้วยกรอบภารกิจดังกล่าว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เร่งขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน โดยกำหนดแนวทางหลักไว้ 3 ประการคือ หนึ่ง สร้างรายได้จากฐานรากหรือจากล่างขึ้นบน สอง สร้างรายได้จากบนลงล่าง และสาม การมองไปที่อนาคต‬

‪ดร.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า หนึ่งในกลไกสำคัญของการสร้างรายได้จากฐานรากที่กระทรวงพาณิชย์กำลังขับเคลื่อนอยู่เวลานี้คือ นโยบายประกันราคาสินค้าเกษตร 5 ชนิด ประกอบด้วย ข้าวเปลือก ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หลักการของการประกันราคาสินค้าเกษตรคือ ต้นทุนทั้งหมดรวมกำไรที่เกษตรกรพึงได้หักด้วยราคาตลาด มีส่วนต่างเท่าไรนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดราคารับประกัน‪

โดยการประกันราคาข้าวเปลือกล็อตแรกจะถึงมือเกษตรกรในวันที่ 15 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เฉพาะในส่วนประกันราคาข้าวเปลือกมีชาวนาเข้าร่วมโครงการ 3.9 ล้านครัวเรือน คิดเป็นประชากรที่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น 11.48 ล้านคน ส่วนปาล์มน้ำมันเงินประกันล็อตแรกจะถึงมือเกษตรกรในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ มีพี่น้องเกษตรกรรับประโยชน์ 3 แสนครัวเรือน ยางพาราเงินประกันล็อตแรกออก 15 ตุลาคมนี้เช่นกัน มีเกษตรกรรับประโยชน์ 1.1 ล้านครัวเรือน ส่วนมันสำปะหลังและข้าวโพดสำหรับเลี้ยงสัตว์อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดเกณฑ์ในการรับประกัน‬

‪ดร.สรรเสริญระบุว่า มาตรการประกันราคาพืชผล 3 ตัวแรกคือ ข้าวเปลือก ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มีเกษตรกรรับประโยชน์ 5.3 ล้านครัวเรือน หรือราว 19 ล้านคน คิดเป็น 30% ของประชากรไทยทั้งประเทศ 70 ล้านคน เป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์คือ ยกระดับรายได้เกษตรกรฐานรากขึ้นมา จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินรายได้เกษตรกรจะเพิ่มได้แค่ 3.8% ในปีนี้ หากรวมนโยบาย 2 พืชหลักที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ตนประเมินว่ารายได้ของเกษตรกรจะเพิ่มได้ถึง 4% ‬

‪นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังมีนโยบายพลิกฟื้นโชห่วยที่มีมากกว่า 4 แสนราย ให้เป็นสมาร์ทโชห่วย โดยจะสนับสนุนเรื่องรูปลักษณ์ การจัดวางสินค้า โปรแกรมบัญชี ฯลฯ และจะนำสินค้าโอท็อปที่มีอยู่ทั่วประเทศกระจายผ่านโชห่วย ซึ่งตรงกับนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบต่อผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการให้โชห่วยอยู่ได้‬

‪นโยบายลำดับสองที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการคือ ทำจากบนลงล่าง โดยเร่งรัดส่งออกด้วยยุทธศาสตร์ 3 ด้านคือ ขยายตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ และฟื้นตลาดเก่า ซึ่งได้จัดประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกเมื่อเร็วๆนี้เพื่อกำหนดให้ทูตพาณิชย์ต้องทำหน้าที่เป็นเซลส์แมนของประเทศ และต้องค้นหาให้ได้ว่าประเทศที่ตัวเองไปประจำอยู่นั้นจะขายสินค้าอะไรได้ ขายให้ใคร และใช้วิธีอย่างไร‬

‪ดร.สรรเสริญยกตัวอย่างกรณีที่นายจุรินทร์ได้ทำไว้แล้วด้วยการนำคณะผู้บริหารจากภาครัฐและเอกชนเดินทางไปประเทศจีน และสามารถทำสัญญาขายมันสำปะหลังจำนวน 2.68 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท รูปแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นกับสินค้าอื่นและหลายประเทศ นอกจากนี้การขยายตลาดส่งออกชายแดนและการค้าแบบผ่านชายแดนก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์พยายามขยายตลาดเพิ่มขึ้น โดยจะขจัดอุปสรรคต่างๆเพื่อให้ขั้นตอนการส่งออกคล่องตัวมากที่สุด‬

‪สำหรับส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกที่ทำในระดับนโยบายคือการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเรื่องใหญ่สุดคือเขตการค้าเสรีอาร์เซ็ป มีอาเซียน 10 ประเทศ รวมจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เข้ามาเพิ่มอีกเป็น 16 ประเทศ หากเจรจาได้สำเร็จจะทำให้เป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยประชากรรวมสูงถึง 3,500 ล้านคน นอกจากนี้ยังเร่งเจรจาเขตการค้าอื่นที่ค้างท่ออยู่ เช่น เขตการค้าอียู ศรีลังกา ตุรกี ศรีลังกา ปากีสถาน‬

‪สำหรับนโยบายกลุ่มที่สามคือ ภาคธุรกิจต้องก้าวไปให้ทันกับเศรษฐกิจยุคใหม่ เช่น ไบโออีโคโนมี (เศรษฐกิจชีวภาพ) กรีนอีโคโนมี (เศรษฐกิจสีเขียว) แชริ่งอีโคโนมี (เศรษฐกิจแบ่งปัน) ครีเอทีฟอีโคโนมี (เศรษฐกิจสร้างสรรค์) โดยจะเร่งให้เกิดเศรษฐกิจใหม่ๆขึ้น พร้อมเร่งผลักดันสินค้าท้องถิ่นที่มีแหล่งกำเนิดบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าและความน่าเชื่อถือของสินค้าให้สูงขึ้นได้ เช่น ไข่เค็มไชยา มะขามหวานเพชรบูรณ์ ฯลฯ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ให้การบ้านพาณิชย์จังหวัดเร่งเสาะหาสินค้าในแต่ละจังหวัดมาจดทะเบียน โดยจัดรถเคลื่อนที่ไปให้บริการจดทะเบียนถึงที่‬

‪ดร.สรรเสริญกล่าวในตอนท้ายว่า มั่นใจว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงรัฐมนตรีทุกท่าน ประเทศไทยจะผ่านเศรษฐกิจถดถอยไปได้ และจะทำให้เศรษฐกิจไทยก้าวหน้าต่อไปได้แน่นอน‬


You must be logged in to post a comment Login