- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
“ไทยยูเนี่ยน” เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน คาดเสนอขาย 26-28 พ.ย.นี้
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยยูเนี่ยนกำลังอยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างทางการเงินให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยได้พิจารณาออกและเสนอขาย “หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2562” โดยผู้ออกหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดในวันครบกำหนด 5 ปี หรือตามเงื่อนไขอื่นๆที่กำหนดไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน คาดจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายนนี้ โดยบริษัทให้ความไว้วางใจในการแต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้
“บริษัทดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี เราประสบความสำเร็จในการสร้างบริษัทที่แข็งแกร่งและมีผลิตภัณฑ์กว่า 14 แบรนด์ที่ขยายไปทั่วโลก เราต้องการจัดโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้นผ่านการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน เพื่อให้สอดคล้องกับความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจของบริษัท และมีการเติบโตที่ต่อเนื่องและเข้มแข็ง นอกจากเป็นผู้ผลิตปลาทูน่าบรรจุกระป๋องอันดับ 1 ของโลกแล้ว เรายังมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกด้วยสินค้าที่มีความหลากหลายและจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วโลก ทำให้เราสามารถบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ”
ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนนอกจากจะเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าที่คนไทยรู้จักกันดีคือ ผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋อง ซีเล็ค (SEALECT) อาหารทานเล่นฟิชโช (Fisho) และโมโนริ (Monori) อาหารทะเลคุณภาพสดใหม่ คิวเฟรช (Qfresh) และเคาน์เตอร์อาหารทะเลธรรมชาติ ซีฟู้ด และอาหารสัตว์เลี้ยง Belotta และ Marvoแล้ว ไทยยูเนี่ยนยังมีแบรนด์ต่างๆทั่วโลก ได้แก่ John West แบรนด์อาหารทะเลบรรจุกระป๋องอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ Petit Navire และ Parmentier แบรนด์อาหารทะเลบรรจุกระป๋องชั้นนำของประเทศฝรั่งเศส Mareblu ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าในประเทศอิตาลี Rügen Fisch ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปในประเทศเยอรมนี Chicken of the Sea แบรนด์อาหารทะเลบรรจุกระป๋องอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา และ Genova ผลิตภัณฑ์ทูน่าระดับพรีเมียมในตลาดสหรัฐอเมริกา รวมถึง King Oscar แบรนด์ชั้นนำซาร์ดีนอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ และออสเตรเลีย เป็นต้น
ไทยยูเนี่ยนยังคว้าอันดับ 1 ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry 2 ปีติดต่อกันในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) โดยปัจจุบันบริษัทได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยมี SeaChange® หรือกลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนเป็นตัวขับเคลื่อนความยั่งยืนของบริษัททั่วโลก
นอกจากนี้ศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยนที่ตั้งขึ้นในปี 2558 ยังเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือทั่วโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อมาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตและหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสร้างประโยชน์และคุณค่าให้กับลูกค้า ผู้บริโภค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยทำหน้าที่เชื่อมโยงทางวิทยาการโภชนาการสมัยใหม่เข้ากับนวัตกรรมการผลิต เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดและอุตสาหกรรมอาหารโลก นักวิทยาศาสตร์ระดับปริญญาเอกมากกว่า 40 คน และนักวิจัยกว่า 120 คนทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางทะเล วิศวกรรม ชีวการแพทย์ ศาสตร์ทางด้านอาหารและโภชนาการจากทั่วโลก
You must be logged in to post a comment Login