- ปีดับคนดังPosted 26 mins ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
โจทก์พิทักษ์จำเลย
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 11-18 ตุลาคม 2562)
อัยการแสดงหลักฐานมัดตัวจำเลยจนดิ้นไม่หลุด ก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษา ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในฐานะโจทก์ร่วมลุกขึ้นยืนแถลงต่อคณะลูกขุนไม่เชื่อว่าหลักฐานที่อัยการนำเสนอจะสามารถใช้พิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง
วันอังคารที่ 15 กันยายน 1981 เออร์ซูล่า เฮอร์แมนน์ วัย 10 ขวบ ถูกคนร้ายลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ หลายวันต่อมาตำรวจพบเออร์ซูล่าเสียชีวิตในลังไม้ถูกฝังอยู่กลางป่าสนระหว่างหมู่บ้านอิชิ่งและหมู่บ้านชอนดอร์ฟ ประเทศเยอรมัน
จากการสืบสวนตำรวจไม่พบหลักฐานใดๆที่สามารถใช้สืบหาตัวคนร้ายได้ จึงตั้งเงินรางวัล 30,000 มาร์ค ให้กับผู้ที่สามารถให้เบาะแสนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้าย พลเมืองดีคนหนึ่งแจ้งตำรวจว่าก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์เพียงไม่กี่วันเห็น เคลาส์ ฟาฟิงเกอร์ นำพลั่วขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หายเข้าไปในป่าสน
เคลาส์สารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากแวร์เนอร์ มาซูเรก ให้ขุดหลุมขนาดใหญ่กลางป่าสน ตำรวจจึงบอกให้เคลาส์นำทางไปชี้จุดที่ขุดหลุม แต่เคลาส์ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้และกลับคำให้การบอกกับตำรวจว่าเขาโกหก เนื่องจากตำรวจไม่พบหลักฐานอื่นจึงจำเป็นต้องปล่อยตัวเคลาส์และแวร์เนอร์ คดีฝังเด็กหญิงทั้งเป็นถูกเก็บเข้าแฟ้มคดีที่ยังปิดไม่ลง
รื้อฟื้นคดี
กลางทศวรรษ 2000 สำนักงานตำรวจบาวาเรียหยิบแฟ้มคดีฝังทั้งเป็นเด็กหญิงเออร์ซูล่าออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง โดยฝากความหวังเอาไว้กับวิทยาการสมัยใหม่ การตรวจดีเอ็นเออาจช่วยไขปริศนาสามารถหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้ หลักฐานในคดีทั้งหมดถูกนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดจนพบเส้นขนจำนวนหนึ่งที่ตะปูควงบนลังไม้ที่ใช้ฝังร่างเด็กหญิงเออร์ซูล่า
ปรากฏว่าดีเอ็นเอที่พบนั้นตรงกับดีเอ็นเอของคนร้ายในคดีสังหารเศรษฐีนีที่กรุงมิวนิกเมื่อปี 2006 คนร้ายคนนั้นเป็นหลานชายของเศรษฐีนี แต่คนร้ายยังเป็นเด็กเล็กในปี 1981 จึงไม่สามารถเป็นคนร้ายในคดีฝังทั้งเป็นเด็กหญิงเออร์ซูล่า ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าทำไมดีเอ็นเอของคนร้าย 2 คดีนี้จึงตรงกัน ผู้เชี่ยวชาญบอกได้แต่เพียงว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ค่อยพบบ่อยนัก
คดีฆาตกรรมในประเทศเยอรมันมีอายุความ 30 ปี ตำรวจเหลือเวลาไม่ถึง 5 ปีในการสืบสวนหาตัวคนร้าย การตรวจหาดีเอ็นเอไม่ได้ช่วยให้คดีคลี่คลาย ตำรวจจึงกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง โดยสืบสวนจากผู้ต้องสงสัยในเวลานั้น
เคลาส์ ฟาฟิงเกอร์ เสียชีวิตแล้วจึงไม่สามารถนำตัวมาสอบปากคำได้อีก แต่แวร์เนอร์ มาซูเรก ยังคงมีชีวิตอยู่ เขาเปิดร้านขายอุปกรณ์อะไหล่เรือทางตอนเหนือของเยอรมัน ตำรวจวางแผนเข้าไปตีสนิทและแอบติดตั้งเครื่องดักฟังไว้ในบ้านและรถยนต์ของแวร์เนอร์
ได้ตัวคนร้าย
เดือนตุลาคม 2007 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านแวร์เนอร์ พบเครื่องบันทึกเทปรุ่นเก่า ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นเครื่องบันทึกเทปที่คนร้ายใช้บันทึกเพลงสั้นก่อนเข้ารายงานข่าวจราจรของสถานีวิทยุบาเยิร์น 3 ในวันเกิดเหตุคนร้ายได้โทรศัพท์ไปที่บ้านครอบครัวเฮอร์แมนน์และเปิดเพลงนี้ใช้เป็นสัญญาณให้รู้ว่าผู้ที่จับตัวเด็กหญิงเออร์ซูล่าเป็นคนโทรศัพท์มา
วันที่ 28 พฤษภาคม 2008 ตำรวจแจ้งกับครอบครัวเฮอร์แมนน์ว่ามีหลักฐานมากเพียงพอที่จะมัดตัวคนร้ายคดีฝังทั้งเป็นเด็กหญิงเออร์ซูล่า และครอบครัวเฮอร์แมนน์สามารถเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาในฐานะโจทก์ร่วมได้ พ่อและแม่เออร์ซูล่าไม่อยากรื้อฟื้นความหลังที่ชอกช้ำเสียใจ จึงมอบหมายให้ไมเคิล ลูกชายคนโต ทำหน้าที่โจทก์ร่วมแทน
อัยการเบิกความว่าแวร์เนอร์มีพฤติกรรมป่าเถื่อนโหดร้าย ครั้งหนึ่งในปี 1974 เขากลับมาบ้านพบสุนัขที่เลี้ยงไว้รื้อถังขยะในครัว แวร์เนอร์โกรธจัด จับสุนัขไปใส่ตู้แช่เย็นในห้องใต้ดิน เช้าวันรุ่งขึ้นภรรยาลงไปเอาเนื้อเพื่อนำมาทำอาหารพบสุนัขถูกแช่แข็งจนตาย แวร์เนอร์บอกภรรยาว่าเขาลงโทษสุนัขด้วยการเนรเทศไปอยู่ไซบีเรีย เหตุการณ์นี้เป็นสาเหตุให้ภรรยาขอหย่าขาดจากเขาในเวลาต่อมา
ปี 1981 แวร์เนอร์ติดหนี้เงินกู้ธนาคาร 140,000 มาร์ค เป็นเหตุจูงใจทำให้เขาก่ออาชญากรรมลักพาตัวเด็กหญิงเออร์ซูล่าไปเรียกค่าไถ่ แต่เกิดความผิดพลาดทำให้เด็กหญิงเออร์ซูล่าเสียชีวิต ตำรวจพบสายหนังใช้มัดลังไม้ที่ฝังร่างเด็กหญิงเออร์ซูล่า มันเป็นสายเข็มขัดของคนที่มีพุงใหญ่ขนาดเดียวกันกับแวร์เนอร์
หลักฐานมัดแน่น
รายละเอียดคำสารภาพของเคลาส์เมื่อปี 1981 มีความถูกต้องหลายจุดแม้ว่าเขาจะถอนคำสารภาพในเวลาต่อมา เช่น ขนาดของพื้นที่โล่งกลางป่าสน ขนาดของหลุมที่ใช้ฝังลังไม้ และสภาพพื้นดินที่ขุดหลุม ตำรวจเชื่อว่าเคลาส์จงใจทำเป็นหาที่ขุดหลุมไม่พบเพื่อทำให้ตำรวจสับสนยอมปล่อยตัวเขาไป
หลักฐานสำคัญที่สุดคือเครื่องบันทึกเทปรุ่นเก่าที่พบในบ้านของแวร์เนอร์ จำเลยให้การว่าเพิ่งซื้อมาจากตลาดนัดขายของเก่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถหาพยานมายืนยันได้ ตำรวจสืบหาไม่พบตัวผู้ขาย และไม่มีใครเคยเห็นว่ามีคนนำเครื่องบันทึกเทปมาขายตามที่จำเลยกล่าวอ้าง
ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงฟังเทปบันทึกเสียงของคนร้าย พบว่ามีเสียง “คลิก” แทรกอยู่ในเพลงสั้นที่คนร้ายเปิดตอนโทรศัพท์มาเรียกค่าไถ่ มันเป็นเสียง “คลิก” ที่เกิดจากการที่คนร้ายกดปุ่มบันทึก ซึ่งเป็นเสียงเดียวกับเสียงที่ลองกดปุ่มเครื่องบันทึกเทปรุ่นเก่าที่พบในบ้านของแวร์เนอร์ ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นเครื่องบันทึกเทปเครื่องเดียวกับที่คนร้ายใช้ในคดีลักพาตัวเด็กหญิงเออร์ซูล่า
การพิจารณาคดีกระทำขึ้นในเดือนมีนาคม 2010 คณะลูกขุนลงความเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามข้อกล่าวหา ผู้พิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ในที่สุดผู้เสียหายก็ได้รับความยุติธรรม ทุกคนดีใจที่คดีปิดลงได้เสียที นอกจากไมเคิลเพียงคนเดียวที่ยังคงข้องใจ
หลักฐานมีปัญหา
หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยไมเคิลทำงานเป็นครูสอนดนตรีและเปิดร้านขายเครื่องดนตรีและเครื่องบันทึกเสียงในเมืองเอาก์สบวร์ก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 30 ปีก่อนเป็นเหมือนช่องโหว่ในชีวิต ซึ่งช่องโหว่นี้จะถูกเติมเต็มก็ต่อเมื่อสามารถลากตัวคนร้ายที่ทำให้น้องสาวเขาเสียชีวิตมาลงโทษได้
การได้เป็นโจทก์ร่วมจะสามารถอุดช่องโหว่นั้นได้ ด้วยเหตุนี้เองไมเคิลจึงทุ่มเทกับคดีนี้มาก เขาอ่านเอกสารคำฟ้องที่มีทั้งหมดกว่า 6,000 หน้า อ่านทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร เขาเชื่อว่าแวร์เนอร์อาจเป็นคนร้ายจริง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคำให้การของเคลาส์ที่ตำรวจเพิกถอนไปแล้วเมื่อปี 1981 ถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
เคลาส์มีประวัติติดสุราอย่างหนักและมีอาการจิตหลอน อดีตภรรยาให้การว่าเคลาส์เป็นคนเกียจคร้านอย่างรุนแรง ไม่มีทางที่เขาจะรับจ้างขุดหลุมใหญ่ และเคลาส์ก็ไม่ได้ลงชื่อกำกับในคำรับสารภาพ การตรวจสอบหลักฐานก็ไม่พบดีเอ็นเอของเคลาส์และแวร์เนอร์
ที่สำคัญที่สุดคือผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงเอาอะไรมายืนยันว่าเครื่องบันทึกเทปของแวร์เนอร์เป็นเครื่องบันทึกเทปที่คนร้ายใช้ อีกทั้งจากการสืบสวนของตำรวจพบว่าคนร้ายใช้โทรศัพท์สาธารณะ คนร้ายคงไม่แบกเครื่องบันทึกเทปขนาดใหญ่ไปด้วยแน่ เขาจะต้องถ่ายเทปไปยังเครื่องเล่นเทปแบบพกพาก่อน
ไมเคิลเขียนคำร้องถึงผู้พิพากษาขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงเปิดเผยข้อมูลการวิเคราะห์ ทั้งผู้พิพากษาและทีมอัยการไม่ค่อยสบายใจกับการกระทำของไมเคิล แต่กฎหมายบังคับให้ศาลต้องอ่านคำร้องให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ หลังจากคณะลูกขุนแถลงมติลงความเห็นว่าจำเลยมีความผิด ไมเคิลลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมไม่ถูกโน้มน้าวให้เชื่อว่าจำเลยกระทำความผิด แต่ผมก็ไม่ได้เชื่อว่าจำเลยบริสุทธิ์ ช่องโหว่ในชีวิตผมถูกถ่างให้ห่างมากยิ่งขึ้น”
ยืดอายุความ
6 เดือนหลังจากการพิจารณาคดีเสร็จสิ้นลง ไมเคิลมีอาการได้ยินเสียงวิ้งในหู นานวันเข้าก็กระทบการใช้ชีวิต กลางวันเขาไม่สามารถสอนดนตรีได้ กลางคืนไม่สามารถนอนหลับได้ ไมเคิลสงสัยว่าสาเหตุน่าจะมาจากการเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดี
ศาลสั่งให้ไมเคิลไปพบจิตแพทย์ แพทย์ลงความเห็นว่ามีความเป็นไปได้มากที่สาเหตุเกิดจากความเครียดในการเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดี ปี 2013 ไมเคิลอาศัยคำวินิจฉัยของแพทย์ทำการฟ้องร้องแวร์เนอร์ เรียกค่าเสียหาย 20,000 ยูโร ข้อหาเป็นต้นเหตุทำให้เขาสูญเสียการได้ยิน
สิ่งที่ไมเคิลต้องการจริงๆก็คือ ให้ศาลรื้อคดีแวร์เนอร์มาพิจารณาอีกครั้ง ทำให้อายุความยืดไปจนถึงการพิจารณาคดีใหม่ พฤติกรรมประหลาดของไมเคิลเป็นที่สนใจของสาธารณชน และมีหลายคนเริ่มมองเห็นความผิดปกติของหลักฐานในคดี ซึ่งเบรินด์ ไฮเดอร์ นักเครื่องเสียงสมัครเล่น ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เบรินด์เสาะหาเครื่องบันทึกเทปชนิดเดียวกับของแวร์เนอร์ ทำการศึกษาจนแน่ใจว่ามันไม่มีเสียง “คลิก” ระหว่างการบันทึกเสียงเหมือนกับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงให้การในศาล เขาส่งข้อมูลนี้ให้กับทนายของแวร์เนอร์
บาร์บาร่า ซิพเซอร์ ทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลการใช้ภาษา มหาวิทยาลัยลอนดอน เธอวิเคราะห์จดหมายเรียกค่าไถ่คดีฝังทั้งเป็นเด็กหญิงเออร์ซูล่า พบว่ารูปแบบการใช้คำบ่งบอกว่าคนร้ายเป็นคนมีการศึกษาแต่แกล้งสะกดคำผิดๆถูกๆเพื่อให้ตำรวจไขว้เขว มั่นใจได้ว่าคนไร้การศึกษาอย่างแวร์เนอร์ไม่ใช่คนทำจดหมายเรียกค่าไถ่
เดือนสิงหาคม 2018 ศาลนัดพิจารณาคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย มีคำสั่งให้แวร์เนอร์จ่ายค่าเสียหายให้กับไมเคิลเป็นเงิน 7,000 ยูโร ซึ่งนั่นหมายความว่าศาลได้ศึกษาข้อมูลในคดีฝังทั้งเป็นเออร์ซูล่าและเชื่อในหลักฐานของอัยการ เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดจริง อันเป็นเหตุให้ไมเคิลซึ่งเป็นโจทก์ร่วมได้รับผลกระทบทางจิตใจจนเป็นโรคหูหนวก
ไมเคิลพยายามค้นหาความจริงอย่างถึงที่สุดแล้วแต่ผลลัพธ์ยังคงออกมาเหมือนเดิม โฆษกสำนักงานอัยการออกแถลงการณ์ปิดคดีฝังทั้งเป็นเด็กหญิงเออร์ซูล่าอย่างถาวรโดยจะไม่มีการรื้อคดีขึ้นมาอีก ขณะที่แวร์เนอร์จ้างนักสืบเอกชนตามหาตัวคนขายเครื่องบันทึกเทปให้กับเขาเมื่อปี 2007 เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยความหวังอันแสนจะริบหรี่
1.เออร์ซูล่า เฮอร์แมนน์
2.เออร์ซูล่าถูกฝังทั้งเป็นในลังไม้กลางป่าสน
3.จดหมายเรียกค่าไถ่
4.ไมเคิล เฮอร์แมนน์
5.แวร์เนอร์ มาซูเรก (กลาง)
6.เครื่องบันทึกเทป หลักฐานมัดตัวคนร้าย
You must be logged in to post a comment Login