- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 7 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เรื่อง “ชา” อย่านิ่งนอนใจ ป้องกันและรักษาโดยไว
คอลัมน์ : โลกสุขภาพ
ผู้เขียน : ทีมเภสัชกรไบโอฟาร์ม บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 11-18 ตุลาคม 2562)
อาการ “ชาตามปลายมือปลายเท้า” ไม่ได้ส่งผลต่อการดำรงชีวิตในแต่ละวันเท่านั้น แต่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบประสาทที่หากปล่อยไว้อาจจะสายเกินแก้ ผู้ที่มีอาการชาปลายมือปลายเท้า ไม่ว่าจะมีอาการบ่อยหรือไม่บ่อยก็ตาม ควรรีบหาสาเหตุและแก้ไขอาการก่อนที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงอย่างอื่นตามมา
ทำไมถึงมีอาการชา
อาการชาตามปลายมือปลายเท้าเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น นั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง หรืออาจมีสาเหตุจากโรคบางโรค เช่น เบาหวาน ปวดศีรษะไมเกรน ลมชัก หลอดเลือดสมอง เป็นต้น และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้อาการหรือโรคนี้ทวีความรุนแรงขึ้นได้คือ การได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความเสียหายของเส้นประสาท โดยเฉพาะการขาดวิตามิน B ที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาท หากรู้สึกถึงอาการเหน็บชาหรือมีอาการปวดเสียวบริเวณมือหรือเท้าเป็นไปได้สูงว่าร่างกายอยู่ในภาวะการขาดวิตามินในกลุ่มนี้
ถึงชาก็หายได้แค่ปรับพฤติกรรมและดูแลเรื่องอาหารการกิน
หากใครมีอาการชาตามปลายมือปลายเท้าสามารถบรรเทาด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงการนั่งเป็นเวลานาน และแก้ไขท่าทางในชีวิตประจำวัน หากต้องอยู่ในท่าใดเป็นเวลานานๆ ควรหาโอกาสขยับร่างกาย ขยับแขน ขยับขาบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว และเลือดไหลเวียนไปตามส่วนต่างๆของร่างกายได้สะดวก
นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย โดยเน้นกลุ่มวิตามิน B รวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง B1, B6 และ B12 ซึ่งทำให้เกิดการสร้างและเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท รวมทั้งป้องกันเส้นประสาทจากการถูกทำลายโดยโรคหรือพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง วิตามินกลุ่มนี้สามารถพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น วิตามิน B1 พบในธัญพืช ข้าวไม่ขัดสี สารสกัดจากยีสต์ ผลิตภัณฑ์จากถั่ว ส่วนวิตามิน B6 พบในอาหารจำพวกปลาทูน่า ผักโขม ผักตระกูลปวยเล้ง กล้วย และวิตามิน B12 ได้จากไข่ เนื้อสัตว์ อาหารทะเลประเภทกุ้ง ปู ผลิตภัณฑ์นม
สำหรับผู้ที่มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่ต้องการเสริมวิตามินให้กับร่างกาย สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยาในกลุ่มวิตามิน B เพื่อช่วยป้องกันและรักษาอาการชาตามปลายมือปลายเท้า และช่วยบำรุงเส้นประสาท ซึ่งวิตามินกลุ่มนี้ค่อนข้างมีความปลอดภัย เพราะมีคุณสมบัติในการละลายน้ำ หากได้รับในปริมาณที่เกินความจำเป็นร่างกายจะขับออกทางเหงื่อหรือปัสสาวะ
ดังนั้น หากเริ่มรู้ตัวว่ามีอาการชาตามปลายมือปลายเท้าไม่ควรนิ่งนอนใจ ต้องเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม รับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างและเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเส้นประสาท หรือยาในกลุ่มวิตามิน B และอย่าคิดว่าเพียงแค่อาการชาเดี๋ยวก็หายไป เพราะ “เรื่องชาอย่านิ่งนอนใจ ป้องกันและรักษาโดยไว” เพื่อไม่ให้เป็นสาเหตุของอาการหรือโรคอื่นๆที่อาจจะร้ายแรงมากขึ้น
You must be logged in to post a comment Login