- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
“พิชัย”เย้ย”บิ๊กตู่”อาบน้ำร้อนมาก่อนแต่คิดได้แค่แจกเงินชิมช้อปใช้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกชิมช้อปใช้ รอบ 2 แจกเงิน 1,000 บาท เพิ่มให้อีก 3 ล้านคน และการรับเงินชดเชยคืน 15-20% หลังเที่ยวแล้ว โดยโปรโมทเหมือนกับว่านี่เป็นนโยบายหลักทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้สงสัยว่าที่พลเอกประยุทธ์กล่าวในสภาผู้แทนราษฎร อ้างว่ารู้มากกว่าเพราะอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่กลับคิดแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนักได้เพียงเท่านี้เองหรือ
ทั้งนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า การเกิดก่อนและอาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ได้หมายความว่าจะพัฒนาให้มีความคิดที่ดีกว่าได้ ทั้งนี้เพราะการแจกเงินชิมช้อปใช้ประชาชนนำไปใช้แล้วก็หมดไป ไม่ได้สร้างความยั่งยืนทางการพัฒนาหรือความยั่งยืนทางรายได้ และที่สำคัญไม่ได้แก้ปัญหาการว่างงานที่จะเกิดขึ้นรวมแล้วกว่า 500,000 คนในปีหน้าได้ นักศึกษาที่จบใหม่จะตกงานกันอย่างมาก ทั้งนี้ มาจากการลงทุนที่หดหายมากว่า 5 ปี หลายบริษัทใหญ่ เช่น ไทยซัมมิท ต้องประกาศหยุดการผลิต 2 เดือน เพราะคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เข้ามาลดลงจากผลพวงของเศรษฐกิจโลก
โดยสื่อหลักทางเศรษฐกิจของต่างประเทศหลายสำนักเชื่อกันว่าอีก 12-18 เดือน เศรษฐกิจโลกจะยิ่งตกต่ำหนัก และอาจถึงขั้นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ แต่รัฐบาลกลับคิดแจกเงินให้คนใช้และเที่ยวอย่างเดียว ไม่ได้มีการเตรียมการเพื่อรองรับเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะย่ำแย่เลย และเมื่อเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ รัฐบาลก็จะโทษไปที่เศรษฐกิจโลก ซึ่งต่างกับรัฐบาลเวียดนามที่ปรับตัวเตรียมการและได้ประโยชน์จากสงครามการค้าอย่างมาก และยังสามารถพัฒนาอันดับความสามารถการแข่งขันของประเทศได้อย่างก้าวกระโดด
รัฐบาลอาจจะคิดว่าการแจกเงินจะช่วยให้กระแสความนิยมของรัฐบาลที่ตกต่ำอยู่แล้วไม่ให้ตกต่ำลงไปอีก แต่รัฐบาลอาจจะลืมไปว่าเมื่อเศรษฐกิจโลกตกต่ำจริง แต่รัฐบาลแจกเงินแบบอีลุ่ยฉุยแฉกไปแล้ว จะไม่มีกระสุนเหลือให้ใช้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่จะย่ำแย่ลงไปอีกได้ อีกทั้งการรับเงินคืนหลังเที่ยว 15-20% ก็จะไม่ต่างอะไรกับช้อปช่วยชาติและหักภาษีคืนในอดีตที่ไม่เคยเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจเลย และรัฐก็เสียรายได้ไปเปล่าๆ แถมหลายครอบครัวอาจจะต้องกู้เงินไปเที่ยวเพียงเพื่อหวังเงินชดเชย ซึ่งจะยิ่งทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลคิดนโยบายเพื่อรองรับเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะตกต่ำในอนาคตได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่คิดแต่แจกเงินเพื่อเอาใจประชาชนแบบเล่นขายขนมเหมือนในปัจจุบัน รัฐบาลที่ดีต้องรู้จักคาดการณ์และเตรียมการรองรับภาวะเศรษฐกิจล่วงหน้า ซึ่งตลอด 5 ปีนี้รัฐบาลไม่ได้ทำเลย
นอกจากนี้ยังเป็นห่วงประชาชนที่เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าว อวดเบ่ง หงุดหงิด ฉุนเฉียวเพิ่มขึ้นกันมากแบบผิดปกติ ซึ่งนอกจากเกิดจากปัญหาทางเศรษฐกิจแล้ว หลายคนยังสงสัยว่าอาจจะมาจากการเลียนแบบผู้นำที่มีพฤติกรรมฉุนเฉียวเช่นนั้นเหมือนกันก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี ยินดีเป็นอย่างยิ่งและขอชมที่พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางไปเข้าพบคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ด้วยตัวเอง และถ้าหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องที่ กอ.รมน. ฟ้อง 12 คนของฝ่ายค้านในเวทีภาคใต้ได้ ก็จะยิ่งทำให้บรรยากาศระหว่างทหารและนักการเมืองดีขึ้นมาก นอกจากนี้หากพลเอกอภิรัชต์จะสามารถแปลงงบประมาณหรือเจียดงบประมาณบางส่วนของกองทัพเพื่อมาช่วยเหลือประชาชนทางเศรษฐกิจ เช่น การพัฒนาระบบชลประทาน การขุดบ่อเก็บน้ำ ฯลฯ ก็จะยิ่งแสดงถึงความห่วงใยของทหารที่มีต่อประชาชนในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และจะเป็นแบบอย่างให้รัฐบาลได้คิดและปฏิบัติตาม
โดยอยากบอกให้รัฐบาลได้รับรู้ว่า ความมั่นคงของประเทศที่แท้จริงคือความมั่นคงของปากท้องของประชาชน หากเศรษฐกิจย่ำแย่ ปากท้องของประชาชนมีปัญหา ไม่ว่าประเทศไหนก็ไม่มั่นคง แม้กระทั่งประเทศสหภาพโซเวียตในอดีตที่มีกองทัพและยุทโธปกรณ์ที่เข้มแข็งมากก็ยังต้องแตกสลายกลายเป็นหลายประเทศเพราะพิษเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งทำให้ระบอบคอมมิวนิสต์ต้องพังสลายตามไปด้วยในที่สุด
You must be logged in to post a comment Login