อัยการสั่งไม่ฟ้อง”พิชัย”โพสต์ปกนิตยสารไทม์

On October 29, 2019

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานและความเห็นควรสั่งฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องหาคดีผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

กรณีเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 นายพิชัยโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊คในการร่วมวงเสวนาของคณะกรรมการวีรชนพฤษภา 35 ในประเด็นเศรษฐกิจ การปราบทุจริตคอร์รัปชันในยุค คสช. และพลังดูด 4.0 กับโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. บนนิตยสาร TIME (ไทม์) กับลงข้อความห้ามจำหน่ายในประเทศไทย

ในวันนี้ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความนายพิชัย เเละนายยอดชาย ศีลนำสุข ผู้รับมอบอำนาจ เดินทางมารับทราบคำสั่ง

นายนรินท์พงศ์กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานอัยการว่า เนื่องจากสำนวนคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้สรุปสำนวนคดีเเล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งตามขั้นตอนกฎหมายจะตัองส่งให้ ผบ.ตร. ทำความเห็นว่าจะเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการหรือไม่ ถ้าหาก ผบ.ตร. ทำความเห็นแย้งมาว่ายังยืนยันว่าควรสั่งฟ้อง คดีก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดว่าฟ้องหรือไม่ เเต่หาก ผบ.ตร. เห็นด้วยตามอัยการสำนักงานคดีอาญาที่สั่งไม่ฟ้องคดีก็จะยุติ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ผบ.ตร. ยังไม่แล้วเสร็จ จึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งไปเป็นวันที่ 3 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00 น.

ด้านนายพิชัยกล่าวว่า อยากให้ประชาชนพิจารณาว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อปิดปากตนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้เรียกตนไปปรับทัศนคติแล้ว 8 ครั้ง เพื่อบังคับให้ตนอย่าวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การที่รัฐบาลและ คสช. ในขณะนั้น ไม่รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อีกทั้งยังพยายามปิดปากไม่ให้วิจารณ์ แล้วปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน หากรัฐบาลและ คสช. จะรับฟังและพิจารณาแก้ไข เศรษฐกิจไทยคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ ประชาชนคงไม่ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกันแบบนี้ และที่น่าห่วงคือเศรษฐกิจยังจะแย่ลงไปอีกหากรัฐบาลยังมีกรอบคิดเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งเวลาได้พิสูจน์มากว่า 5 ปีแล้ว

Featured