วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

EF : Executive Functions ปรับพฤติกรรม ฝึกทักษะสมอง พัฒนาสมาธิเด็ก

On November 8, 2019

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : พญ.มัณฑนา ชลานันต์ โรงพยาบาลกรุงเทพ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  8-15 พฤศจิกายน 2562)

การคิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น และปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข คือการฝึกทักษะสมองสำคัญที่เรียกว่า EF หรือ Executive Functions คือทักษะการบริหารจัดการตนเองขั้นสูง เป็นกระบวนการทางความคิดระดับสูงของสมองส่วนหน้าที่มีความเกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะ EF คืออายุ 3-6 ขวบ เพราะสมองส่วนหน้าพัฒนาได้มากที่สุด ซึ่งช่วยให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาทางด้านสมาธิ หากไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องอาจทำให้มีปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเรียน และการเข้าสังคมในอนาคตได้ การฝึกทักษะสมองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย

การใช้หลักพัฒนาสมองลูกรักอย่าง EF หรือ Executive Functions การบริหารจัดการตนเองเพื่อฝึกทักษะสมอง พัฒนาสมาธิ มีทั้งหมด 9 ด้าน ได้แก่ ทักษะพื้นฐาน (Basic) จำนวน 3 ด้าน และทักษะขั้นสูง (Advance) จำนวน 6 ด้าน ทักษะพื้นฐานประกอบด้วย 1.Working Memory (ความจำเพื่อใช้งาน) คือความสามารถในการเก็บข้อมูลเพื่อประมวลผลและดึงข้อมูลที่เก็บในคลังสมองออกมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการ 2.Inhibitory Control (ยั้งคิด ไตร่ตรอง) คือความสามารถในการยั้งคิด ไตร่ตรอง สามารถควบคุมความต้องการ หยุดคิดก่อนที่จะทำหรือพูดได้ 3.Shifting หรือ Cognitive Flexibility (ยืดหยุ่นความคิด) คือความสามารถในการยืดหยุ่นทางความคิด ร่วมแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน รู้จักพลิกแพลงและปรับตัว เป็นจุดเริ่มต้นของการมีความคิดสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ

ทักษะขั้นสูงประกอบด้วย 4.Focus หรือ Attention (จดจ่อ ใส่ใจ) คือความสามารถในการใส่ใจ จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งๆโดยไม่วอกแวก รู้จักการทำงานให้เสร็จเป็นอย่างๆไป 5.Emotional Control (ควบคุมอารมณ์) คือความสามารถในการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับอารมณ์ตนเองไม่ให้รบกวนผู้อื่น ไม่โกรธเกรี้ยว ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่ายเกินไป รู้จักแสดงอารมณ์อย่างถูกวิธี 6.Self-Monitoring (ติดตาม ประเมินตนเอง) คือการประเมินตนเองเพื่อหาจุดบกพร่องแล้วนำมาแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น รู้จักไตร่ตรองว่าตัวเองทำอะไร รู้ว่าตัวเองทำอะไร และรู้ว่าใกล้จะเสร็จหรือเรียบร้อยแล้ว 7.Initiating (ริเริ่มและลงมือทำ) คือความสามารถในการริเริ่มและลงมือทำ กล้าคิดกล้าทำ ลงมือทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง 8.Planning and Organizing (วางแผน จัดระบบ ดำเนินการ) คือการวางแผนจัดการตนเองอย่างเป็นขั้นตอน ดำเนินการตั้งแต่วางเป้าหมาย มองเห็นภาพรวม รู้จักจัดลำดับความสำคัญ จัดระบบ ดำเนินการ และประเมินผล 9.Goal-Directed Persistence (มุ่งเป้าหมาย) คือการวางเป้าหมายที่ชัดเจน มีความพากเพียรและความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย รู้จักฝ่าฟันอุปสรรค หากล้มต้องรู้จักลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

ทั้งนี้ ทักษะการบริหารจัดการตนเองควรเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 3 ขวบขึ้นไป เป็นการปูพื้นฐาน ผู้ปกครองควรใส่ใจให้ลูกมีทักษะการบริหารจัดการตนเองที่ดี โดยในช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่มีการเปิดรับการพัฒนาทักษะค่อนข้างสูง จะทำให้เด็กเกิดการบริหารจัดการตนเองที่ดี รวมถึงการควบคุมอารมณ์ ความคิดความจำ การใส่ใจ การแก้ปัญหา การเข้าใจเหตุผล การมีสมาธิ ต่อไปในอนาคต

เครื่องมือทางจิตวิทยาที่นำมาใช้ในการฝึกพัฒนาทักษะ อาทิ การทดสอบโดยใช้ Wisconsin Card Sort Task (WCST) เป็นเครื่องมือที่มีลักษณะรูปร่างต่างกัน 4 แบบ เช่น วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม รูปดาว เป็นต้น มีสีต่างกัน มีจำนวนต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้กำหนดให้เด็กว่าให้เรียงตามจำนวนที่เหมือนกัน หรือเรียงตามรูปทรงหรือสีที่เหมือนกัน ผู้รับการทดลองมีการปรับเปลี่ยนความคิดเพื่อที่จะจัดการตามโจทย์ที่ให้ไว้ ซึ่ง Wisconsin Card Sort Task เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการทดสอบ ไม่ใช่เครื่องมือที่จะใช้วัดผลการพัฒนาทักษะได้ทั้งหมด เพราะเครื่องมือที่ใช้วัดผลพัฒนาทักษะมีค่อนข้างหลากหลาย แพทย์จะเลือกใช้ตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาเป็นหลัก ทั้งนี้ เด็กที่มีปัญหาทางด้านทักษะการบริหารจัดการโดยมากจะพบในกลุ่มเด็กที่มีสมาธิสั้น (ADHD-Attention Deficit Hyperactivity Disorder) เนื่องจากเด็กจะมีอาการวอกแวก ไม่อยู่นิ่ง ขาดความรับผิดชอบ ไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ ส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการเรียนและการใช้ชีวิตในอนาคต

การจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อพัฒนาทักษะด้วย EF หรือ Executive Functions ข้อดีคือ พลังกลุ่ม เพราะการทำกิจกรรมกลุ่มจะมีเด็กคนอื่นๆในกลุ่มด้วย หากมีเด็กที่เป็นตัวอย่างที่ดีในกลุ่มเขาก็จะได้รับรางวัล จะทำให้เด็กที่อยู่ในกลุ่มคนอื่นๆอยากปฏิบัติตามแล้วได้รับรางวัลเช่นกัน ขณะที่เด็กบางคนหากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเขาก็อาจจะได้รับการลงโทษ เช่น Time out การแยกเด็กออกจากสิ่งกระตุ้นหรือความสนใจจากสิ่งรอบข้างชั่วคราว เพื่อให้สงบสติอารมณ์และควบคุมตนเองได้ ดังนั้น เด็กทุกคนที่เข้ากลุ่มเพื่อพัฒนาทักษะจะได้เห็นพฤติกรรมของเด็กคนอื่นๆว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างไรจากพฤติกรรมทั้ง 2 ด้าน จึงกลายเป็นจุดแข็งในการเรียนรู้ให้กับเด็ก มีการสังเกตพฤติกรรมจากการมองเห็นทั้งดีและไม่ดี กลายเป็นพลังกลุ่มที่จะทำให้เด็กพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

การฝึกทักษะ EF หรือ Executive Functions จึงมีความสำคัญในการช่วยพัฒนาทักษะการบริหารจัดการตนเองอย่างรอบด้าน ช่วยพัฒนาสมองส่วนหน้าที่ควบคุมสมาธิและการยับยั้งชั่งใจให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากพ่อแม่ผู้ปกครอง แพทย์ที่มีความชำนาญในสาขาต่างๆ และตัวเด็ก เพื่อพัฒนาให้สมาธิดีขึ้น และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต


You must be logged in to post a comment Login