- ปีดับคนดังPosted 25 mins ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
กลับไม่ถึงบ้าน
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 8-15 พฤศจิกายน 2562)
ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังรอขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับบ้านหลังจากหมดวันลาหยุดพักผ่อน จู่ๆเขาก็วิ่งออกจากอาคารผู้โดยสารขาออก ปีนข้ามรั้วสนามบินและหายตัวลึกลับเข้าไปในป่าโดยไม่มีใครทราบต้นสายปลายเหตุ
วันที่ 30 มิถุนายน 2014 ลาร์ส มิตแทงค์ หนุ่มชาวเยอรมันวัย 28 ปี และเพื่อนสมัยเรียนหนังสืออีก 5 คน เดินทางไปเที่ยวชายหาดโกลเด้นแซนด์ ประเทศบัลแกเรีย 1 สัปดาห์แห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
เวลาเที่ยงของวันที่ 7 กรกฎาคม ลาร์สและเพื่อนๆเช็กเอาต์ออกจากที่พักซีไซด์รีสอร์ทเพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน แต่ลาร์สทำให้เพื่อนๆประหลาดใจ โดยบอกให้พวกเพื่อนกลับไปก่อน ส่วนเขาจะอยู่บัลแกเรียต่ออีก 1 วัน
เมื่อเช้าลาร์สไปพบแพทย์เนื่องจากมีอาการเจ็บในโพรงหู การขึ้นเครื่องบินอาจทำให้อาการแย่ลง แพทย์จึงแนะนำให้ลาร์สพักผ่อนอีกสักวันก่อนจะขึ้นเครื่องบิน พร้อมกับจ่ายยาฆ่าเชื้อเซฟูรอกซิม ลาร์สได้ห้องพักราคาถูกที่โรงแรมคัลเลอร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสนามบินเท่าไรนัก
ทีมนี้พี่รัก
คืนก่อนหน้านี้ลาร์สและเพื่อนๆไปกินอาหารค่ำที่ร้านแมคโดนัลด์ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับห้องพัก แต่ลาร์สยังติดพันนั่งชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีการะหว่างทีมบาเยิร์นมิวนิกและทีมเอ็สเฟา แวร์เดอร์เบรเมิน ซึ่งลาร์สเป็นแฟนตัวยงของทีมเอ็สเฟา แวร์เดอร์เบรเมิน
แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันอีกกลุ่มหนึ่งที่มากัน 4 คน เป็นแฟนทีมบาเยิร์นมิวนิก มีการพูดจาแขวะกันไปมาจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ลาร์สถูกชกเข้าที่ใบหน้า กระเทือนถึงเส้นประสาทในโพรงหู ทำให้เขาเดินทางไปให้หมอตรวจดูอาการในเช้าวันรุ่งขึ้น
ขณะที่เครื่องบินบินขึ้นและบินลง ความกดอากาศภายในและภายนอกจะมีความแตกต่างกันเนื่องจากการเพิ่มหรือลดความสูงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อแรงดันในช่องหู แพทย์จึงแนะนำให้ลาร์สพักผ่อนอีกสักวันก่อนจะขึ้นเครื่องบิน ด้วยเหตุนี้ลาร์สจึงบอกให้เพื่อนๆกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาจะตามกลับไปวันรุ่งขึ้น
หลังจากที่เพื่อนๆเดินทางกลับไปแล้ว ลาร์สก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ กล้องวงจรปิดของโรงแรมคัลเลอร์จับภาพลาร์สเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องโถงโรงแรม บางทีก็ไปแอบในลิฟต์ บางทีก็ชะโงกหน้าไปนอกหน้าต่างเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง
ถูกตามล่า
คืนนั้นลาร์สโทรศัพท์ไปหาแม่บอกว่าถูกสะกดรอยตาม อาจเป็นชาย 4 คนที่มีเรื่องชกต่อยกับเขาเมื่อวันก่อน และขอให้แม่โทรศัพท์ไปบอกยกเลิกบัตรเครดิตของเขาให้หน่อย หลังจากนั้นก็วางสายไป พอดึกๆลาร์สก็ส่งข้อความไปถามแม่ว่า “เซฟูรอกซิมคือยาอะไร”
เวลา 01.00 น. กล้องวงจรปิดจับภาพลาร์สเดินออกไปนอกโรงแรมก่อนที่เขาจะกลับเข้ามาอีกครั้งในอีกชั่วโมงต่อมาโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาออกไปไหนมา เวลารุ่งสางลาร์สโทรศัพท์ไปหาแม่อีกครั้ง บอกกับเธอว่าคนที่สะกดรอยตามใกล้จะถึงตัวเขาแล้ว แต่ก่อนที่แม่จะสอบถามรายละเอียดสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดเพราะแบตหมด
หลังจากตะวันพ้นขอบฟ้าลาร์สเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบิน เขาส่งข้อความถึงแม่ว่า “ตอนนี้อยู่ที่สนามบินแล้ว” แต่เพื่อให้แน่ใจว่าอาการปวดหูจะไม่เป็นอันตรายต่อการขึ้นเครื่องบิน ลาร์สไปหาแพทย์สนามบินให้ช่วยตรวจอีกครั้งหนึ่ง
คอสต้า คอสทอฟ นายแพทย์ประจำสนามบินวาร์นา สังเกตว่าลาร์สมีอาการตื่นและลุกลี้ลุกลน อย่างไรก็ตาม นายแพทย์คอสต้าอนุญาตให้ลาร์สขึ้นเครื่องบินได้ อาการปวดหูไม่รุนแรงแม้ว่าลาร์สจะไม่ได้กินยาเซฟูรอกซิมตามที่แพทย์จ่ายให้กับเขาเมื่อวาน เนื่องจากเขาไม่มั่นใจว่ามันเป็นยาอะไร
อยู่ไม่ได้แล้ว
เวลาเดียวกันกับที่นายแพทย์คอสต้าเสร็จจากการวินิจฉัยอาการ คนงานก่อสร้างคนหนึ่งเดินเข้ามาในคลินิก เนื่องจากสนามบินอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม ลาร์สแสดงอาการตัวสั่นงันงกอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับพึมพำออกมาว่า “ผมอยู่ไม่ได้แล้ว ผมไม่อยากตายที่นี่” พูดไม่ทันขาดคำลาร์สก็วิ่งออกไปจากคลินิกอย่างรวดเร็ว
สัมภาระทั้งหมดถูกทิ้งไว้ในคลินิก ซึ่งรวมถึงโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ และหนังสือเดินทาง กล้องวงจรปิดจับภาพลาร์สออกไปทางประตูใหญ่ วิ่งตัดลานจอดรถ ก่อนจะปีนรั้วและหายเข้าไปในป่าทึบที่ล้อมรอบสนามบิน หลังจากที่ลาร์สหายตัวไป 3 สัปดาห์ แม่ของเขาว่าจ้างนักสืบเอกชนให้สืบหา แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
เวลาผ่านไป 1 ปี มีผู้แจ้งเบาะแสว่าพบชายจรจัด รูปพรรณสัณฐานคล้ายคลึงกับลาร์ส ยืนโบกรถอยู่ที่ริมถนนใกล้กรุงวาร์นา แต่หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าชายจรจัดเป็นชาวโปแลนด์ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับลาร์สเท่านั้น
เดือนธันวาคม 2016 เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองปอร์ตูเวลโย ประเทศบราซิล รายงานว่า พบชายจรจัดรูปพรรณสัณฐานคล้ายคลึงกับลาร์สเดินเท้าเปล่าสะเปะสะปะอยู่ริมถนนทางหลวงแผ่นดิน ไม่มีบัตรประจำตัว และจำชื่อตัวเองไม่ได้ หลังจากตรวจสอบแล้วชายคนนี้คือแอนตัน พาลิปา ชาวแคนาดาที่หายตัวไปเมื่อ 5 ปีก่อน
นายแพทย์เจฟ โคนิน ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดและการป้องกันการได้รับบาดเจ็บ มหาวิทยาลัยโรดไอแลนด์ ให้ความเห็นว่า ลาร์สอาจได้รับบาดเจ็บกระทบกระเทือนทางสมอง ส่งผลให้มีอาการวิตกจริต แต่โดยปกติแล้วจะไม่เกิดจากการกระทบกระเทือนเพียงครั้งเดียว และไม่แสดงอาการโดยทันที มันต้องมีการกระทบกระเทือนหลายครั้งติดต่อกันเป็นเวลานาน
นายแพทย์คอสต้ารู้สึกประหลาดใจว่าทำไมลาร์สวิ่งหนีออกจากคลินิกไปตัวเปล่าโดยทิ้งสัมภาระทั้งหมดเอาไว้ ขณะที่แม่ของลาร์สเชื่อว่า ความขัดแย้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือทำให้ลาร์สเกิดความเครียดอย่างรุนแรงส่งผลให้มีอาการประสาทหลอน แต่เขาไม่เคยมีประวัติป่วยทางจิตมาก่อน ทุกวันนี้แซนดร้า แม่ของลาร์ส ยังคงตามหาลูกชายเพียงคนเดียวและเชื่อมั่นว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่
1.ลาร์ส มิตแทงค์ ระหว่างเที่ยวหาดโกลเด้นแซนด์ ประเทศบัลแกเรีย
2.ประกาศตามหาคนหาย
3.ลาร์สหิ้วกระเป๋าเดินเข้าสนามบิน
4.ลาร์สเดินไปพบแพทย์ประจำสนามบิน
5.ลาร์สวิ่งหนีตัวเปล่าออกจากคลินิก
6.ลาร์สออกทางประตูใหญ่วิ่งตัดลานจอดรถ
7.ลาร์สปีนรั้วสนามบินหายเข้าไปในป่าทึบ
8.แอนตัน พาลิปา ชายจรจัดพบในบราซิล
9.แม่ของลาร์สยังคงตามหาลูกชายคนเดียว
You must be logged in to post a comment Login