วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไอ.ซี.ซี.รุกขยายฐานตลาดกลุ่มรองเท้าสตรี

On November 12, 2019

นายคณิศร สุยะนันทน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรองเท้า บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงภาพรวมของรองเท้าสตรีในบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ว่า ตลาดรองเท้าในปัจจุบันเติบโตอย่างที่เห็นๆกันคือ ในกลุ่มรองเท้าที่เป็นกลุ่มสปอร์ต สัดส่วนรองเท้าประเภทนี้กินไปถึง 50% ในตลาดก็ว่าได้ เราจึงต้องปรับตัวหาสิ่งใหม่ๆมานำเสนอลูกค้าอยู่เสมอ สำหรับรองเท้าระดับตำนานอย่าง “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” เราตั้งเป้าโตจากปีที่แล้วประมาณ 30% มีมูลค่าตลาด 300 กว่าล้านบาทต่อปี และเราเตรียมเสริมทัพการขายผ่านออนไลน์มากขึ้น หลังพบว่าพฤติกรรมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงต่างจากในอดีตมาก

“ในส่วนของคู่แข่งเรามองว่าใครรักษาฐานลูกค้าไว้ได้มากที่สุด แบรนด์นั้นจะได้เปรียบ เราจึงไม่ได้มองเรื่องประเด็นคู่แข่งมากนัก แต่มองที่จุดเด่นและจุดดีของเรามากกว่าที่เรามีการบริการที่โดดเด่น อย่างเช่น การรับสั่งตัด หรือการดูแลลูกค้าในเรื่องการซ่อมสินค้า การเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้า ในประเทศโดยเฉพาะแบรนด์ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” มีประมาณ 144 ร้านค้า ส่วนร้านค้าในต่างประเทศมีที่พม่าและลาว กลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมที่อยู่ด้วยกันมานาน อายุอยู่ในช่วง 35 ปีขึ้นไป เราจึงต้องขยายฐานลูกค้าออกไปโดยหากลุ่มใหม่ที่เด็กลง โดยเพิ่มทั้งบริการและสินค้าเพื่อให้ตอบสนองกลุ่มเหล่านี้ประมาณ 20% โดยเป็นสินค้าที่เป็นส้นสูงด้วย เน้นในเรื่องความสบายเป็นหลักที่สามารถใส่ส้นสูงให้ได้ตลอดทั้งวัน เราจึงอยากให้มาลองสินค้าของเราแล้วค่อยตัดสินใจ”

PATT3213-2

นายคณิศรกล่าวถึงการเปิด Shop in Shop เป็น Multi Brand Shop ที่ชั้น 2 แผนกรองเท้าสตรี ห้างสยามทาคาชิมายะ ดิไอคอนสยาม ว่าสำหรับมัลติแบรนด์ช็อปที่สยามทาคาชิมายะนี้ เป็นสาขาแรกที่มีแบรนด์รองเท้ามารวมกัน และเป็นช็อปที่สามารถเลือกรองเท้าได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถสั่งตัดได้ในรูปแบบต่างๆที่เราได้เตรียมไว้ เรามองว่าห้างสยามทาคาชิมายะเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ทันสมัย และกลุ่มคนใหม่ๆเข้ามาเดินเยอะ เราน่าจะได้ลูกค้าใหม่ๆที่มีไลฟ์สไตล์ใหม่ๆจากตรงนี้ ยอดขายที่เราคาดหวังที่จะได้จากร้านค้าใหม่นี้ประมาณ 300,000-500,000 บาท

PATT3280-2

“พูดถึงเรื่องแตกไลน์แบรนด์รองเท้า คิดว่าตอนนี้น่าจะยังไม่ลงทุนกับแบรนด์ใหม่ๆ เพราะแบรนด์ที่มีอยู่เราสามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ เสริมด้วยเรื่องการบริการ การรักษาลูกค้าให้โดดเด่นมากกว่าเดิม และเราคาดว่าจะขยายในเรื่องรองเท้าสั่งตัดเพิ่มขึ้นมากกว่า เช่น การเพิ่มแบบสินค้า เพิ่มช่องทางการสั่ง หรือแม้แต่การบริการหลังการขาย”

Shop in Shop เป็น Multi Brand Shop ที่ชั้น 2 แผนกรองเท้าสตรี ห้างสยามทาคาชิมายะ ดิไอคอนสยาม เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการบริการแนวใหม่ “Easy Order” ก่อนจะขยายบริการดังกล่าวสู่ร้านค้าของรองเท้าแบรนด์ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” จำนวน 144 สาขาทั่วประเทศ และอีก 5 ร้านค้าของแบรนด์รองเท้ารีกัลผู้หญิง ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายรองเท้า บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“การรับสั่งตัดของเราจริงๆแล้วเริ่มดำเนินการตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เริ่มจากแบรนด์ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” ก่อน ซึ่งเราเห็นว่าปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไปมากในยุค 5.0 ที่ดูจะเป็นยุคที่อะไรๆก็ต้องเป็น Personalization ไปหมด เรามองแล้วว่าในขณะที่เรามีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองและเป็นโรงงานที่มีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องรองเท้า จึงเป็นจุดที่ดี ประกอบกับ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” มี 144 ร้านค้าทั่วประเทศ เราเริ่มอย่างจริงจังเมื่อปลายไตรมาส 1 โดยเริ่มจาก 20 ร้านค้าในกรุงเทพฯก่อน กระแสตอบรับค่อนข้างดี จากนั้นจึงเริ่มกระจายสู่ร้านค้าต่างจังหวัดเป็น 50 ร้านค้า ทำให้ยอดขายในไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นมาประมาณ 5% และไตรมาส 2 เติบโตขึ้นเป็น 10% เราจึงขยายร้านค้าไปทั่วประเทศ ในการรับสั่งตัด เราให้ลูกค้าเลือกแบบที่หน้าร้านค้า โดยมีหลากหลายความสูงให้เลือก ลูกค้าสามารถเลือกสีได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ซึ่งเรามีให้เลือกถึง 20 สี มีทั้งหนังวัวและหนังแกะให้เลือกตามความชอบและโอกาส แบบที่เรารองรับการสั่งตัดเบื้องต้นมีประมาณ 7 แบบ ประมาณ 5 ความสูง ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งตัดรองเท้าที่เป็นคัทชู แล้วเลือกสีที่ตัวเองชอบ บางคนก็ตัดครบสีเลย ลูกค้าจะได้ลองไซซ์ที่หน้าร้านค้าและมีพนักงานขายที่เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำจนได้ไซซ์ที่ถูกต้อง การสั่งตัดใช้ระยะเวลา 14 วันทำการ โดยลูกค้าชำระเงินที่หน้าร้านค้าแล้วเลือกได้ว่าจะมารับด้วยตนเองที่ร้านค้าหรือให้ส่งไปที่บ้านหรือที่ทำงาน และในไตรมาส 4 เราได้เพิ่มรูปแบบที่เป็นไลฟ์สไตล์ที่ดูแอ็คทีฟมากขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัว คาดว่าจะมียอดขายจากกลุ่มใหม่นี้ประมาณ 5%”

PATT3260-2

พร้อมกันนี้นายคณิศรยังได้กล่าวถึงงบการทำตลาดของผลิตภัณฑ์รองเท้าทั้งหมดของบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ว่า งบการทำตลาดในปัจจุบันเราใช้ประมาณ 5% โดยจะหนักไปทางออนไลน์มากกว่า เพราะลูกค้าเราในปัจจุบันมีการแอ็คทีฟมากในช่องทางเฟซบุ๊ค naturalizer.thailand ของเราเอง ซึ่งเป็นทั้งตัวกลางในการสื่อสารประชาสัมพันธ์และคอยตอบข้อซักถาม ให้คำแนะนำกับลูกค้าได้ โดยเราจะพยายามรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นอย่างมาก และเน้นในเรื่องการบริการ ไม่ว่าจะเป็นบริการก่อนการขายหรือหลังการขาย โดยไตรมาส 3-4 นี้ เราเพิ่มช่องทางในการขายออนไลน์มากขึ้น เช่น เว็บไซต์ ethailandbest.com ของเราเอง และเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ เช่น ลาซาด้าโอชอปปิ้ง หรือช่องทางทางทีวี และเราก็กำลังพัฒนาแอพพลิเคชั่นอีกด้วย


You must be logged in to post a comment Login