วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“วี โซล กรุ๊ป” รุกตลาด “วี มิกซ์” หวังปั้นยอด 100 ล้าน ปี 63

On November 20, 2019

นายยอง จิน กัง ซีอีโอชาวเกาหลีผู้ก่อตั้งบริษัท วี โซล กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงการทำตลาดในประเทศไทยว่า เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทย จึงเข้ามาทำตลาดอาหารเสริมนวัตกรรมจากเกาหลีใต้ “วี มิกซ์” ด้วยการนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อส่งมอบสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีและสมดุลให้กับผู้บริโภคชาวไทยด้วยระบบเครือข่าย โดยเน้นขับเคลื่อนการทำตลาดผ่านผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญผ่านกลยุทธ์ Product Driven Strategy เพื่อสร้างยอดขายและการซื้อซ้ำ ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนให้ทีมงานในระบบเครือข่ายได้ในระยะยาว

“สำหรับอาหารเสริมวี มิกซ์ นั้นคิดค้นตั้งแต่ปี 2543 และผลิตเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในปี 2545 โดยตลอดเวลานับแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบันได้มีการทำวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้วี มิกซ์ มีสารสกัดจากธรรมชาติที่โดดเด่นจากทั่วโลกรวมกันถึง 61 ชนิด อาทิ โสมป่าจากเกาหลี, โนนิ, ราสเบอร์รี่สายพันธุ์เกาหลี (บอกบุนจา) ที่ได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของคนอเมริกันว่ามีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ, อะไซเบอร์รี่, คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก, มะระขี้นก ฯลฯ จึงเป็นที่มาของชื่อผลิตภัณฑ์วี มิกซ์ (We Mix)

ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งของวี มิกซ์ อยู่ที่การใช้เทคโนโลยีในการผลิตในระดับอนุภาคนาโน จึงทำให้อนุภาคที่ได้เล็กกว่าการผลิตในระดับนาโน อีกทั้งมีผลให้สารอาหารไม่ถูกทำลายก่อนการดูดซึม และเป็นอาหารเสริมที่สามารถเห็นผลได้หลังการดื่มภายใน 1-5 นาที ที่สำคัญวี มิกซ์ ได้จดทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวกับอาหารและยาทั้งในสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และประเทศไทย โดยเลขจดแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทยคือ 13-4-01561-5-0001”

ขณะที่ น.ส.ณิชารัศม์ เวชอัมพรพงศ์ ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท วี โซล กรุ๊ป จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า วี มิกซ์ เป็นอาหารเสริมที่ช่วยปรับสมดุลของสุขภาพ โดยจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันแล้วแต่ปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล โดยมีกระบวนการทำงานที่สำคัญคือ “สแกน-ยับยั้ง-ซ่อมแซม-ฟื้นฟู” ผลที่ได้รับจากการดื่มวี มิกซ์ คือ เพิ่มออกซิเจนให้กับร่างกาย, ดีท็อกซ์สารพิษที่ตกค้างในร่างกาย, เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ที่สำคัญทำให้ผิวพรรณผ่องใส เนื่องจากความแตกต่างของวี มิกซ์ จากอาหารเสริมอื่นๆคือ ช่วยทำให้ร่างกายผลิตกลูตาไธโอนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งปกติกลูตาไธโอนจะถูกผลิตมากที่สุดที่ตับ ปอด ไต ม้าม ตับอ่อน เลนส์แก้วตา และจะผลิตลดลงเมื่อย่างเข้าอายุ 20 ปี โดยจะผลิตลดลง 8-12% ในทุก 10 ปี และจะลดลงมากกว่านี้ได้เมื่อบริโภคยาหรือได้รับเคมีมากเกินไป

Packshot  copy

ทั้งนี้ การทำให้ร่างกายผลิตกลูตาไธโอนได้เองจึงไม่เป็นอันตรายเมื่อเทียบกับการฉีดกลูตาไธโอนเข้าร่างกาย ซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิตหากฉีดเป็นประจำ ที่สำคัญกลูตาไธโอนไม่ได้มีคุณสมบัติแค่เรื่องความสวยงามอย่างที่เข้าใจกันเท่านั้น หากแต่ยังสามารถรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่อง โรคพาร์กินสัน, โรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม, โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ, มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยใช้รักษาภาวะการเป็นพิษจากโลหะหนักอีกด้วย

น.ส.ณิชารัศม์กล่าวถึงการทำตลาดของวี โซล กรุ๊ป ว่า สำหรับยอดขายของบริษัทในปี 2563 นั้นตั้งเป้าที่ 100 ล้านบาท โดย วี โซล กรุ๊ป จะเน้นทำการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผลิตภัณฑ์ ซึ่งเมื่อเกิดการทดลองใช้ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ทำให้ลูกค้าเหล่านี้เปิดใจกับผลิตภัณฑ์มากขึ้นจนทำให้เกิดการซื้อซ้ำ และเป็นฐานการทำตลาดอย่างยั่งยืนให้กับแม่ทีม ซึ่งประเด็นนี้แตกต่างจากธุรกิจระบบเครือข่ายที่เน้นสร้างแม่ทีมเพื่อสร้างทีมขายและยอดขาย นอกจากนี้บริษัทยังเน้นให้องค์ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์วี มิกซ์ อย่างต่อเนื่องกับตัวแทนในระบบเครือข่ายผ่านการสัมมนา ตลอดจนสื่อประชาสัมพันธ์จากบริษัทโดยตรง เพื่อให้ตัวแทนสื่อสารเป็นมาตรฐานในทิศทางเดียวกันและไม่อวดอ้างคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์จนเกินจริง ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องหรือสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้กับลูกทีมหรือลูกค้าได้


You must be logged in to post a comment Login