- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
สถาบันสิทธิมนุษยชนฯ ม.มหิดล เผยงานวิจัยเพื่อสิทธิเด็ก เนื่องในวันสิทธิเด็กสากล
เนื่องในวันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันสิทธิเด็กสากล” ขององค์การสหประชาชาติ และในปี พ.ศ. 2562 นี้ เป็นปีครบรอบ 30 ปีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก หรือ Convention on the Rights of the Child (CRC) ที่ว่าด้วยศักดิ์ศรีและคุณค่าของมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน
CRC ถือเป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศแรกที่ตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มรูปแบบ โดยต่อมาได้กลายเป็นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่มีประเทศสมาชิกให้สัตยาบันจำนวนมากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้เด็กมักจะถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ไม่สำคัญ และเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับสิทธิต่างๆ แต่เมื่อมีอนุสัญญาดังกล่าวขึ้น ทำให้รัฐมีพันธะผูกพันทั้งทางด้านกฎหมายและศีลธรรมในการทำให้เด็กได้รับสิทธิของตน
จากงานวิจัยด้านสิทธิเด็กในเอเชียอาคเนย์ของ ดร.มาร์ค ปีเตอร์ คาปาลดี อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล (IHRP) พบว่า มีเด็กอพยพประมาณ 500,000 คนในประเทศไทย ส่วนใหญ่ลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่มีเอกสารรับรองการเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เด็กเหล่านี้จึงตกเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกแสวงประโยชน์และการละเมิด รวมถึงการค้าเด็ก ทั้งๆที่ประเทศไทยในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีการจัดการทางกฎหมายเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ รวมถึงการค้ามนุษย์ในเด็กอย่างเข้มงวด ดร.มาร์ค ปีเตอร์ คาปาลดี จึงมองว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือเด็กๆเหล่านี้ให้เข้าถึงสิทธิที่พวกเขาพึงได้รับ
ดร.มาร์ค ปีเตอร์ คาปาลดี
นอกจากนี้งานวิจัยของ ดร.มาร์ค ปีเตอร์ คาปาลดี ยังพบว่า แรงงานเด็กวัยรุ่นต่างด้าวส่วนใหญ่ที่ทำงานในประเทศไทยมีความสุขกับชีวิตและงาน เนื่องจากได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ และได้ส่งเงินกลับบ้านให้พ่อแม่ แต่ก็พบว่าบางครั้งถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง และเสี่ยงต่อการถูกจับส่งกลับประเทศ
บทสรุปจากงานวิจัยของ ดร.มาร์ค ปีเตอร์ คาปาลดี ได้เรียกร้องให้สนับสนุนการย้ายถิ่นอย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย ตามวิสัยทัศน์ใหม่ของอาเซียน ปี ค.ศ.2025 (พ.ศ.2568) ที่ว่า “ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงด้วยกัน” (Forging Ahead Together)
ดร.มาร์ค ปีเตอร์ คาปาลดี กล่าวต่อไปว่า ที่สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล (IHRP) มีการเรียนการสอนและวิจัย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของสิทธิเด็กเป็นส่วนสำคัญ ทั้งในหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก เราไม่เพียงแต่เข้าใจถึงมาตรฐานและกลไกด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับเด็กๆเท่านั้น แต่ยังสอนให้นักศึกษาได้เข้าใจแนวคิดและทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนวิธีการที่สังคมมองและปฏิบัติต่อเด็กๆ โดยนักศึกษาของเราหลายคนเลือกที่จะทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับปัญหาสิทธิเด็กในเอเชีย โดยเราจะช่วยแนะวิธีการวิจัยที่เหมาะสมให้กับนักศึกษาด้วย
ติดตามข่าวสารและบทความที่น่าสนใจด้านสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาได้ที่ www.ihrp.mahidol.ac.th
****
เขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ)
งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
You must be logged in to post a comment Login